ชีวิตส่วนตัว
Mon, Jan 8, 2007
ทำมาแล้วเกือบทุกอย่างครับ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะโชคดี ตอนเกิดก็คาบช้อนเงินช้อนทองมาเลยครับ จำได้ว่าอยากได้อะไร เช้าบอกคุณพ่อ คุณแม่ ตกเย็นก็ได้แล้ว แต่ก็ไม่ถึงกับเสียเด็กนะครับ เพราะคุณพ่อดุมาก และไม่ตามใจถ้าผมไม่มีเหตุผลเพียงพอ แต่บางคนเขาก็บอกว่าคุณพ่อ คุณแม่ตามใจมาก มีแม้กระทั่งม้าแกลบ ไว้ขี้เล่นในบ้าน
เล่นเปียโนตั้งแต่ 8 ขวบ หัดตีกอล์ฟ อายุเพียง 14 เท่านั้น จำได้ว่าเพื่อนๆล้อว่าเล่นกีฬาคนแก่ เป็นหัวหน้าวงดนตรี ช่วงอยู่มัธยมปลาย รุ่นใกล้กับ “ เต๋อ ” เรวัติ นะครับ เรียนที่เซ็นต์คาเบรียลเหมือนกัน ท่านผู้อ่านต้องรุ่นใกล้ผมถึงจะรู้จักนักดนตรีดังๆ สมัยนั้น ทำมาเกือบหมดละครับ
กลับจากต่างประเทศเมื่อ เรียนจบปริญญาตรี ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ธุรกิจของครอบครัวมีปัญหา กิจการต้องล้มเลิก คุณพ่อทุ่มเทให้กับงานการเมืองมากเกินพอดี ไม่มีเวลาให้ธุรกิจของตนเอง แปลกดีนะครับ สมัยนี้ใครเป็นนักการเมืองแล้วมีธุรกิจ มักจะร่ำรวย ทำมาค้าขึ้น ทำให้เราได้เห็นความเป็นนักการเมืองของคนรุ่นเก่า ที่แตกต่างกับนักการเมืองบางคนในปัจจุบันนี้อย่างสิ้นเชิง ตอนนั้นผมไม่ชอบการเมืองมากเลยครับ เพราะการเมืองทำให้ครอบครัวลำบาก
ช่วงเวลาที่ได้ผมทำงานสร้างความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว ก็พยายามหากิจกรรมที่สามารถให้ลูกชายทั้งสอง ได้ร่วมด้วย ออกทะเล ตกปลาบ้าง ตีกอล์ฟบ้าง ทำให้ได้ใกล้ชิดกับลูกๆ มากครับ กลายเป็นเหมือนเพื่อนกันทีเดียว มายุ่งๆ และเวลาส่วนตัวน้อยลงก็ตอนคุณพ่อขอร้องแกมบังคับ ให้ผมสมัครผู้แทนฯ ตอนนั้นอายุ 37 ปี เป็นนักการเมืองรวมแล้วถึงวันนี้ เกือบ 20 ปี ตอนเป็น ส.ส. แทบจะไม่มีเวลาส่วนตัว จากคนที่เกลียดการเมืองกลายเป็นคนที่เห็นว่าการเมืองเป็นหน้าที่และเต็มใจทุ่มเทเวลาให้
บ้านเรา ประชาชนยังสนใจการเมืองน้อย มีกี่คนกันครับที่จะทราบว่า นายกอร์ปศักดิ์ เป็นคนเสนอกฎหมายให้มีการรัดเข็มขัดนิรภัยเวลาขับรถ เหมือนกับทำงานแบบปิดทองหลังพระ สื่อมวลชนชอบที่จะลงข่าวที่ไม่ค่อยจะดีของนักการเมืองเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ประชาชนเป็นจำนวนมากมองนักการเมืองเลวไปเสียทั้งหมด แต่ผมภูมิใจนะครับ กฎหมายรัดเข็มขัดนิรภัย ได้ช่วยชีวิตคนขับรถ จากอุบัติเหตุที่อาจร้ายแรงได้เป็นอย่างมาก ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเรา มีมากพอที่จะทำให้เรามุ่งมั่นทำงานต่อไป
สองสามปีที่ผ่านมาผมมองชีวิต ต่างไปกว่าเดิม เคยเป็นคนบ้าวัตถุ ชอบขับรถสปอต ใช้ชีวิตแบบคนในสังคมไฮโซ ผมเปลี่ยนไปครับ อาจเป็นเพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่เสียชีวิต ในเวลาใกล้ๆกัน คาดไม่ถึง ทำให้เราเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น ก็อาจเป็นได้
เดี๋ยวนี้รักธรรมชาติมากขึ้น 4-6 เดือนในหนึ่งปี จะอยู่ที่ อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน ได้วิ่งออกกำลังกายทุกเช้า ปายอยู่สูงเกือบ 1000 เมตรจากน้ำทะเล ทำให้อากาศดีตลอดปี อากาศหนาวมากหน่อยตอนปลายปี แต่ก็สนุกดีครับ ได้ผิงไฟ หรือไม่ก็เดินเข้าป่า อาบน้ำแร่ในตอนเช้า ใครที่ชอบสูบซิการ์ ดื่มไวน์ ที่นี่ เหมาะที่สุด ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ ถูกกว่ามาก แถมมีไส้อั่วอร่อยๆ ให้ทานอีกต่างหาก
ครอบครัวผมมีกิจการทำโรงแรมเล็กๆ เพียง 30 ห้อง ราคาไม่แพง อยู่สบาย ( www.rimpaicottage.com ) ผมได้พบคนหลากหลาย มีทั้งนักท่องเที่ยวคนไทย ช่วงหยุดยาวๆ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาพักที่โรงแรม ทำให้ได้เพื่อนเยอะ ไม่เหงา เม้าท์กันได้ทั้งวันละครับ
สมัยนี้ เทคโนโลยี ไปไกล นั่งทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้ บทความ หนังสือ งานค้นคว้า รวมทั้ง website นี้ ผมนั่งขีดเขียนที่ปาย นี่เอง ผมเชื่อว่า ไม่นานเกินรอ คนเราจะได้ใช้ชีวิตในเวลาว่าง ได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ระบบการทำงานคงจะมีการปรับปรุง พัฒนา ให้เราสามารถนั่งทำงานอยู่ที่บ้านได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาวันหนึ่งๆไปกับการเดินทางที่น่าเบื่อ ไป กลับ ระหว่างบ้าน และ ที่ทำงาน คนเราเกิดมาทั้งทีควรที่จะมีเวลาใช้ชีวิตกับครอบครัวหรือเวลาที่เป็นของตัวเองให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน จริงไหมครับ.