Me and My IPod
Fri, Jul 27, 2007
27 กรกฎาคม 2550
ตั้งใจไว้นานแล้วครับ ว่าจะเขียนเรื่องเบาๆให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันบ้าง เนื้อหาในบทความที่ เว็บ korbsak.com ค่อนข้างจะเครียดไปนิดหนึ่ง เดี๋ยวท่านผู้อ่านจะเข้าใจในตัวผมผิดไป คิดว่ากอร์ปศักดิ์การเมืองขึ้นสมอง ไม่มีอย่างอื่นทำเลยหรือ
ผมพึ่งจะกลับมาปายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รู้สึกอารมณ์ค่อนข้างจะดี อาจจะเป็นเพราะผลสำเร็จจากงานระดมทุนของพรรคที่ได้จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ ขายบัตรได้เงินตามเป้าคือประมาณ 400 ล้านบาท ตอนนี้เก็บเงินได้แล้วกว่า 200 ล้าน อีกไม่กี่วันคงจะได้ครบ ต้องให้เครดิตคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เต็มร้อย
เงินสนับสนุนพรรคในรูปแบบนี้มีข้อดีมากๆ คือผู้สนับสนุน ให้เงินโดยไม่มีข้อผูกมัด ทำให้พรรคทำงานทางการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนมาก่อนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ นาย ก. นาย ข. มาก่อน
( เพราะ เป็นนายทุนพรรค)
อารมณ์ดี เลยออกไปเดินเล่นในตลาด เหลือบเห็น artist หนุ่ม วาดภาพอยู่ข้างทาง เห็นเข้าท่าดี รับอาสาเสนอตัวเป็นนายแบบ ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีครับ ผลงานแบบที่ post มาให้ชมกันนี่แหละ สังเกตให้ดีจะเห็น iPod ติดตัวตลอดเวลา Me and my iPod ไงครับ
ผมเป็นคนชอบฟังเพลง เกือบจะทุกประเภท ข้อเสียและเป็นข้อเสียที่อายมาก คือไม่ค่อยฟังเพลงไทยซักเท่าไหร่ พูดได้ว่าเกือบจะไม่ได้ฟังเลยเสียด้วยซ้ำ เหมือนกับที่ไม่ได้ดูหนังไทยมานานกว่า 40 ปีแล้วก็คงไม่ผิด แค่เล่าให้ฟังนี่ก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีกับตัวเองแล้วครับ แต่ถ้าเป็นเพลงฝรั่งละก็ ทุกประเภทเลยครับ ไปไหนมาไหน จึงมักจะมี iPod อยู่ข้างกายตลอด
ผมข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนที่อเมริกาช่วงปี ค.ศ. 1967-1972 ความจริงอยู่ที่นั่นไม่นาน เรียนก็จบแค่ปริญญาตรีเท่านั้น เป็นคนที่เกลียดการเรียนเป็นชีวิตจิตใจ ถึงทุกวันนี้เวลานอนแล้วถือว่าฝันร้ายคือเวลาฝันว่าลืมทำการบ้าน
อเมริกาช่วงนั้นเป็นยุคทองของดนตรี มีนักดนตรีที่ฝีมือฉกาจฉกรรจ์มากมาย ผมตอนเป็นวัยรุ่นก็บ้าดนตรีมากๆ มี concert แสดงที่ไหน เห็นผมนั่งสลอนหัวดำที่นั้น ผมไม่เคยพลาด ดูมาแล้วทั้งนั้นละครับ ตั้งแต่ Jimi Hendrix ที่ Anaheim Convention Center ใกล้ Disney Land, Jim Morrison ( The Doors ) และ Janis Joplin ทั้งสองรายนี่ได้ดูที่ Hollywood Bowl
เอ่ยถึงสามคนนี้ก่อนเพราะหลังจากได้ชมฝีมือไม่นาน ก็ตายกันไปทีละคนสองคน ส่วนใหญ่ก็โด๊บยากันจนตายละครับ นอกจากนั้นแล้วก็ได้มีโอกาสเห็นตัวเป็นๆ อีกหลายวง เช่น Rod Stewart Eric Clapton คุณป้า Elton John นอกนั้นก็ยังได้ชม Jefferson Airplane และ The Grateful Dead สองวงนี้ดูฟรี เพราะเขาชอบแสดงตามสวนสาธารณะ เช่น ที่ Griffith Park, North Hollywood ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาดจะเป็น Mick Jagger ( The Rolling Stones ) เจ้าเก่า
ระยะปลายปี 1969 – 1970 มีนักดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีที่เป็น electronics กันมากขึ้น ที่ดังเป็นพลุคือ Emerson Lake and Palmer และ King Crimson ที่ใช้ Synthesizer เป็นส่วนสำคัญของการแสดง ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่าผมไปเรียนหนังสือแบบไหน ถึงมีเวลาสนใจแต่ดนตรี ผมเองก็งงเหมือนกันครับว่าตัวเองจบมาได้อย่างไร แถมเรียนวิศวะเสียด้วย
เรื่องดนตรีนี้คุยกันได้ทั้งวัน อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมชอบปาย ได้อารมณ์เหมือนสมัยเป็นวัยรุ่นคงไม่ผิด ที่ปายนี้ เป็นที่รวมของ hippy รุ่นโบราณ และhippy รุ่นใหม่ๆ ครับ
เพลงสมัยปัจจุบันต่างจากสมัยยุค sixties มาก พูดถึงคุณภาพของทำนองและเนื้อหาแล้ว เทียบกันไม่ได้ คงจะไม่ต่างกับเพลงไทยในปัจจุบันที่แตกต่างอย่างมากกับเพลงไทยในอดีต
เขียนอย่างนี้แสดงว่าผมเป็นคนหัวโบราณเต็มที ไม่หรอกครับ เรื่องของเพลงน่าจะเถียงกันยากหน่อย เพราะของเก่าๆเขาดีจริงๆ ไม่ได้ฟังแต่เพลงเท่านั้น หนังสือผมก็ชอบอ่านมากๆ เรื่องของหนังสือนี่อาจจะมีเล่าให้ฟังกันมากหน่อยและน่าจะพอมีสาระบ้าง
ที่ขอแนะนำคือ Haruki Murakami นักประพันธ์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก มีแปลเป็นไทยด้วยเหมือนกันครับ แนะนำให้ลองอ่าน Norwegian Woods และ Kafka on The Shore ถ้าชอบหลังจากจบทั้งสองเรื่องแล้วอาจลอง Dance Dance Dance ก็ไม่เลวครับ จินตนาการของ Haruki Murakami น่าทึ่ง หลายคนบอกผมว่าที่ผมคลั่งไคล้ Haruki Murakami เพราะ เกิดปีเดียวกัน และบ้าเพลงเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Classics Jazz หรือ Rock ของผมแถม Eminem ( Hip Hop ) เพิ่มด้วย
ไม่แปลกที่เมื่ออ่านหนังสือของ Haruki Murakami แล้วจะได้คำแนะนำเพลงหรืออัลบั้มดีๆ พร้อมกันไปด้วย โดยผู้แต่งแฝงไว้ไนเนื้อหาของเรื่องได้อย่างแยบยล
เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันทีว่า น่าจะนำเรื่องราวในหนังสือดีๆที่ได้อ่าน มาเล่าสู่กันฟัง เดือนละครั้งก็ยังดี ไม่นานมานี้ได้อ่าน World is flat หลังจากที่ปล่อยให้วางอยู่บนหิ้งนานแล้ว น่าสนใจมากและเชื่อว่าท่านผู้อ่านคงจะชอบ
ผมไม่ได้เลียนแบบอดีตนายกของเรานะครับ ไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างคนมาอ่านและสรุปให้ฟัง แล้วสร้างภาพว่าเป็นหนอนหนังสือหรอก
เอาเป็นว่า เรื่องเบาๆครั้งต่อไปจะเกี่ยวกับ โลกแบน ก็แล้วกัน โลกร้อนต้องรอไว้ก่อนครับ
Tags: live and learn