ประชาชนต้องมาก่อน VS ประชานิยม

talk_501001_1

1  ตุลาคม 2550

ประชาชนต้องมาก่อน เป็นสโลแกนหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์  ส่วน ประชานิยม เป็นนโยบายที่พรรคไทยรักไทยใช้หาเสียงในอดีต

มีคำว่าประชาทั้งคู่      ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นการเอาใจประชาชน  เพียงแต่เอาใจกันคนละแบบ  คนละแนวทาง

นโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยประสบผลสำเร็จ  โดนใจประชาชน  ทำให้พรรคได้คะแนนเสียงท่วมท้น   สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ติดต่อกันสองสมัย

ประชาชนต้องมาก่อน จะได้รับการตอบรับ หรือจะโดนใจประชาชนแค่ไหน  ธันวาคมนี้คงจะทราบ

แนวความคิดในการนำเสนอนโยบายของทั้งสองพรรคมีส่วนเหมือนและส่วนต่างพอจะวิเคราะห์ได้อย่างนี้ครับ

ส่วนเหมือนคือ  เป็นการเอาใจประชาชนทั้งคู่

ส่วนต่างคือ  เอาใจประชาชนไม่เหมือนกัน คนละแบบ   คนละแนวความคิด

ประชานิยมของไทยรักไทย  เอาใจประชาชนเต็มร้อย  เช่น แจกเงินหมู่บ้านละ  1 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านใหญ่   หมู่บ้านเล็ก  ให้เงินเท่ากันหมด   เป็นกองทุน    เป็นเงินที่ให้กู้   โดยชาวบ้านค้ำประกันระหว่างกัน  ไม่ต้องมีหลักทรัพย์เพื่อใช้ค้ำประกันเงินกู้       จำนวนเงินแบ่งกันกู้   จะกู้ไปใช้ทำอะไร    ตกลงกันเองระหว่างผู้กู้และกรรมการกองทุน    นโยบายนี้ใช้หาเสียงช่วงการเลือกตั้งสมัยแรกของพรรคไทยรักไทย     โดนใจประชาชน    ได้คะแนนสนับสนุนท่วมท้น

ส่วนโครงการ  SML รัฐบาลจัดงบประมาณให้ทุกหมู่บ้าน   หมู่บ้านละ 200,000 – 300,000 บาท    ชาวบ้านจะนำเงินไปทำอะไรก็ได้    เป็นเงินให้เปล่า   ไม่ใช่เงินกู้     หัวใจสำคัญ ของการใช้เงิน  SML คือ   ปล่อยให้การตัดสินใจของชาวบ้านเท่านั้นว่าจะใช้เงินไปทำโครงการอะไร      จึงไม่เป็นที่สงสัยว่าทำไมชาวบ้านส่วนใหญ่จึงถูกอกถูกใจโครงการ SML

โครงการนี้เริ่มใกล้ฤดูการเลือกตั้งครั้งที่สองของพรรคไทยรักไทย   มีการทยอยจัดส่งเงินไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วประเทศก่อนการเลือกตั้ง   แต่ยังดำเนินการไม่ครบทุกหมู่บ้าน   เพราะมีทั้งหมด เกือบ 80,000หมู่บ้าน   หมู่บ้านไหนได้เงินก่อน    หมู่บ้านไหนได้เงินทีหลัง    ขึ้นกับคะแนนเสียงที่เทให้พรรคไทยรักไทย   เป็นไปตามที่อดีตนายก พ.ต.ท.ทักษิณได้เคยกล่าวไว้ในที่สาธารณะว่า    จังหวัดไหนเลือกพรรคทั้งจังหวัด  จะได้เงินงบประมาณก่อน   ชัดถ้อยชัดคำครับ    ไม่อ้อมค้อม

ไม่ยากที่จะมองออกว่าเป็นการจัดงบประมาณที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของคะแนนเสียงควบคู่กับการผันเงินสู่ชนบท     เรียกว่า   ได้ทั้งเงินและได้ทั้งกล่อง  เงินที่ใช้ก็เป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน  ไม่ใช่เป็นเงินในกระเป๋า    ไม่เรียกว่าฉลาดแล้วจะเรียกว่าอย่างไร

ประชาชนต้องมาก่อน เป็นหลักคิดในการนำเสนอนโยบายว่า  เงินทุกบาททุกสตางค์ ต้องใช้จ่ายโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก  เรื่องคะแนนนิยม   ถ้าได้ก็ถือว่าโชคดี  ส่วน เรื่องผลประโยชน์ของพรรค   ของพวกพ้อง  ต้องเลิกคิด

โครงการที่นำเสนอในวาระประชาชน  จึงไม่ผูกพันกับคะแนนเสียง  เช่น   การจัดงบประมาณปีละกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดซื้ออุปกรณ์การเรียน รวมทั้งตำราเรียน  สำหรับนักเรียนทุกคนจนจบมัธยมปลาย   เพื่อให้สมกับที่เรียกว่าเรียนฟรีจริง    นักเรียนที่อยู่ภาคใต้หรือภาคอีสาน หรือ ภาคเหนือ   ภาคกลาง    ได้เหมือนกันหมด

หรือโครงการดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา  มีอาหารเสริมที่ครบบริบูรณ์สำหรับคุณแม่   เพื่อบำรุงสมองและเพิ่มไอคิวให้กับเด็กในครรภ์    เป็นการทุ่มงบประมาณเพื่อสร้างโอกาสให้กับเด็กไทยทุกคนตั้งแต่แรกเกิด      เด็กไทยต้องฉลาดและแข็งแรง

การจัดสรรงบประมาณให้ผู้สูงอายุ (65ปีขึ้น) เป็นเงินช่วยเหลือรายเดือนก็เกิดจากแนวความคิดว่า  ปัจจุบันประชาชนจำนวนมากโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย   อยู่นอกระบบประกันสังคม    ทำให้ไม่มีหลักประกันในบั้นปลายของชีวิต   จำเป็นที่รัฐบาลที่ดีต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเข้าไปดูแลอย่างจริงจัง

เรื่องของงบประมาณให้หมู่บ้านก็มีครับ    จะมีการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง   และมีการจัดสรรงบประมาณให้ทุกหมู่บ้าน    แต่จะใช้เงินกองทุนแบบตามใจฉันไม่ได้     จะต้องใช้เงินเพื่อโครงการในการดำเนินชีวิตแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้น

การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลในแต่ละปี     ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนพึงจะได้รับ    เวลาใช้ก็ใช้อย่างประหยัด   อุดช่องโหว่ไม่ให้เกิดการคอรัปชั่นในทุกระดับให้ได้มากที่สุด       ถ้าทำได้   จะมีเงินเหลือเพียงพอที่จะดำเนินนโยบายที่เป็นวาระประชาชนได้อย่างเหลือเฟือ

ที่กล่าวถึงเป็นเพียงบางส่วนของวาระประชาชน ที่มีการนำเสนอโดยคำนึงถึงว่าประชาชนต้องมาก่อน

หลายคนอาจเห็นว่าเป็นนโยบายธรรมดา   ไม่หวือหวาไม่มีสีสรร      สำหรับคนกรุงเทพฯ   อาจมองว่าเป็นนโยบายเอาใจเฉพาะคนชนบท    ไม่โดนใจคนกรุง     ไม่เถียงครับ    เพราะนี้เป็นนโยบายที่ดูแลผู้ด้อยโอกาสของสังคมไทย  เป็นเรื่องที่จำเป็นและถูกละเลยมาเป็นเวลานาน

สำหรับคนกรุงเทพฯ   ปัญหาเศรษฐกิจ   ปัญหาข้าวของแพง  เป็นเรื่องสำคัญ   การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจ   นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ  จึงเป็นหัวใจที่จะทำให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้ในระดับที่ทำให้เกิดการสร้างงานและการเพิ่มรายได้ให้กับลูกจ้างทั่วไป  นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาโลกแตกคือจราจรติดขัดที่ดูเหมือนไม่มีวันที่จะแก้ไขได้      นโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะมีการนำเสนอในเร็ววันนี้

ถ้าถามผมว่าประชาชนจะชอบแบบไหนมากกว่ากัน    ระหว่าง ประชาชนต้องมาก่อน กับ ประชานิยม น่าจะตอบยาก    ส่วนที่ชอบนโยบายประชานิยมแบบสุด ๆ ก็คงจะมี     และที่ได้เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการผันเงินของรัฐอย่างไร้เป้าหมาย  ทำให้ตนเองและครอบครัวเป็นหนี้เป็นสินท่วมตัว  ก็อาจจะมีไม่น้อยกว่ากัน

ความจริงนโยบายที่บรรจุไว้เป็นวาระประชาชน จะเรียกว่าเป็นประชานิยมก็ได้เหมือนกันครับ    แต่เราอยากจะให้คิดว่า  เป็นสิทธิที่เกิดมาเป็นคนไทยแล้วต้องได้รับการดูแลมากกว่า            เป็นสิทธิที่มักจะปรากฎ เป็นตัวหนังสือ    แต่ไม่เคยได้มีการปฎิบัติอย่างจริงจัง   ถูกละเลยมาโดยตลอด

พรรคต้องทำงานหนักเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อและมั่นใจว่าวาระประชาชนที่นำเสนอ   เป็นสิ่งที่ดีและสามารถปฎิบัติได้จริง      ไม่ใช่เป็นเพียงการโฆษณาหาเสียงไปวันๆเท่านั้น   ระบอบประชาธิปไตยดีตรงนี้ครับ     มีทางเลือกสำหรับประชาชน    ขออย่างเดียว  ช่วยกันไม่ให้เกิดฝนตกห่าใหญ่นอกฤดูในช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคมนี้เป็นใช้ได้ครับ.

แบ่งปันเรื่องราว:
  • Print
  • del.icio.us
  • Facebook
  • email
  • PDF
  • Twitter

Tags: , , , ,

Comments are closed.

Twitter

TwitPic

    " width="70" height="70" style="margin: px; border: 1px solid cccccc;" class="twitpic" />

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
Korbsak.com
กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ค้นหา