โครงการต้นกล้าอาชีพ
ต้นกล้าอาชีพเป็นโครงการเฉพาะกิจครับ ออกแบบขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาคนว่างงานโดยเฉพาะ ตั้งสมมุติฐานว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะทำให้มีคนว่างงานเป็นจำนวนมาก และแรงงานจะตกงานอีกระยะหนึ่งจนกว่าเศรษฐกิจจะกลับฟื้นตัวขึ้นมาใหม่
รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์เริ่มงานเมื่อต้นปี 2552 ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าไทยเราจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจล่มสลายมากน้อยเพียงใด นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็จนแต้ม บางสถาบันบอกว่าจะมีคนว่างงานกว่า 1 ล้านคน บางสถาบันไปไกลถึง 2 ล้านคน รัฐบาลเองก็เชื่อว่าตัวเลขการว่างงานจะสูงมาก แต่ประมาณไว้ว่าไม่น่าเกิน 1 ล้านคน เพราะรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามารองรับหลายมาตรการด้วยกัน
ต้นกล้าอาชีพจึงออกแบบมารองรับคนว่างงานไว้ที่ 500,000 คน ภายในระยะเวลา 12 เดือน เริ่มจากเดือนเมษายน 2552 คือเริ่มต้นไตรมาสที่ 2 ( เมษา พฤษภา มิถุนา ) ของปีครับ
หัวใจของโครงการคือต้องการให้ผู้ที่ตกงานได้มีรายได้บางส่วนแต่ต้องมาฝึกงานเพิ่มทักษะให้กับตัวเอง เป็นการจ้างให้มาฝึกงานนั่นเอง ค่าจ้างไม่มาก จ่ายเป็นค่าแรงขั้นต่ำ วันที่คิดโครงการ คาดว่าภาครัฐฯร่วมกับมหาวิทยาลัยและเอกชนน่าจะมีความสามารถฝึกผู้ว่างงานได้เดือนละ 40,000 คน ถ้าเป็นโครงการ 1 ปีจะฝึกคนได้เกือบ 5 แสน คงจะเพียงพอ โครงการไม่ใช่ฝึกงาน 1 เดือนเท่านั้น ถ้าจะกลับไปภูมิลำเนาไปช่วยงานที่บ้าน และมีนายอำเภอรับรอง ก็จะได้เงินเดือนอีกไม่เกิน 3 เดือน
แบ่งงบประมาณเป็นสองส่วน ส่วนแรกรองรับคนตกงาน 240,000 คน ใช้เงิน 6,900 ล้านบาท ส่วนที่สองอีก 260,000 คน จัดงบไว้ให้ 7,420 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 14,320 ล้านบาท
มาถึงวันนี้ปรากฏว่า 6 เดือนแรก มีคนได้รับการฝึกงานสูงถึง 305,000 คน จากเป้าหมาย 240,000 คน และใช้เงินไป 5,900 ล้านบาท จาก 6,900 ล้านบาท ส่งคืนคลัง 1,000 ล้านบาทเศษ ถ้ารวมถึงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนจะมีผู้ได้รับการฝึกงานถึง 420,000 คน ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีจำนวน 500,000 คน
จึงมีคำถามว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร
ตัดสินใจด้วยความรู้สึกไม่ได้ ต้องดูเจตนารมณ์ในเบื้องต้นก่อนว่า โครงการนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร คำตอบคือ เกิดจากปัญหาคนว่างงานเพราะเศรษฐกิจโลกล่มสลาย ประเทศได้รับผลกระทบ รายได้จากการท่องเที่ยว การส่งออก หดหาย ทำให้ธุรกิจปิดกิจการเพิ่มขึ้น ไม่มีการจ้างงานเพิ่ม แถมยังมีการปลดออกจากงานอีก จึงควรถามต่อว่าแล้วตัวเลขคนว่างงานน่าตาเป็นอย่างไร ดูได้จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้เพราะได้จากฐานข้อมูลของประกันสังคม
ตลอดทั้งปี 2550 เป็นปีที่ยังไม่เกิดปัญหาเศรษฐกิจโลก ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 5.18 แสนคน หรือมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1.4 ผมนำตัวเลขนี้มาใช้เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า ในสภาวะปกติบ้านเราจะมีผู้ว่างงานประมาณ 5 แสนคนครับ
ช่วงเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหาคือ ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ช่วงนั้นตัวเลขผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 5.04 แสนคน หรือมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1.32 แสดงว่ายังไม่เกิดปัญหารุนแรง
มาเริ่มเมือต้นปี 2552 ครับ ไตรมาสแรก (มกรา กุมภา มีนา) 2552 ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 7.15 แสนคน หรือมี อัตราการว่างงานร้อยละ 1.90 ไตรมาสที่สอง (เมษา พฤษภา มิถุนา) 2552 ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 6.56 แสนคนหรือมีอัตราการวางงานรอยละ 1.71 เห็นได้ชัดขึ้นว่า จุดสูงสุดคือ 7.15 แสนคน เริ่มลดลงเหลือเป็น 6.56 แสนคน ถ้าจะถามว่าตัวเลขนี้ยังสูงอยู่ใช่หรือไม่ ตอบได้ว่ายังไม่กลับสู่ภาวะปกติครับ
แต่พอเข้าช่วงไตรมาสที่สาม (กรกฎา สิงหา กันยา) 2552 ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 4.46 แสนคนหรือมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1.15 ภาพชัดขึ้นว่าตัวเลขลดลงเป็นอย่างมาก กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
สำหรับ ตุลา พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่คลอด แต่เชื่อได้ว่าตัวเลขคนว่างงานจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ผลพ่วงจากส่งออกดีขึ้น ท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะฤดูการท่องเที่ยว ราคาสินค้าเกษตรปรับสูงขึ้นควบคู่กับโครงการประกันรายได้เกษตรกร เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งโครงการไทยเข้มแข็งที่ต้องการแรงงานเพิ่มถึงปีละ 500,000 คน
ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่เราควรยุติบทบาทของโครงการต้นกล้าอาชีพได้ครับ งบประมาณปี 2553 จากไทยเข้มแข็ง เตรียมไว้ 7,420 ล้านบาทจะนำมาใช้เฉพาะที่มีภาระผูกพันประมาณ 2,900 ล้านบาท สำหรับการอบรมเพิ่มเติมอีก 80,000 คน เพื่อให้ครบตามเป้าหมาย 500,000 คน และสำหรับเงินอุดหนุนเพื่อกลับไปประกอบอาชีพที่ภูมิลำเนาอีกประมาณ 120,000 คน ส่วนที่เหลือก็ไม่ต้องใช้ ไม่ใช้เงินเท่ากับไม่ต้องกู้ครับ
ผมได้รับคำท้วงติงเพราะมีหลายท่านอยากให้เดินต่อ เปลี่ยนเป็นโครงการต้นกล้าเข้มแข็ง เพิ่มหรือต่อยอดเพื่อให้คนไทยเราเก่งขึ้น ประชาชนส่วนหนึ่งดูเหมือนอยากจะให้เดินต่อเหมือนกัน เพราะชอบในความหลากหลายของหลักสูตรไม่ต้องเสียค่าอบรมแถมมีค่าตอบแทนเป็นค่าแรงขั้นต่ำด้วย
ผมเห็นต่างเพราะฐานะทางการเงินของประเทศไม่ดีมากพอที่จะสนับสนุนเงินภาษีมาใช้ในการจ้างคนเพื่อฝึกงาน การฝึกแรงงานให้มีคุณภาพ เพิ่มทักษะ ทำให้คนของเราเก่ง เป็นหัวใจในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แต่งานลักษณะนี้เป็นงานประจำ เป็นงานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เป็นงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน กรมฯคงจะต้องทบทวนบทบาทของตนให้มีความเข้มข้นเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนต่อไปในอนาคต
ต้นกล้าอาชีพเป็นโครงการที่ประสบผลสำเร็จพอสมควร ติดขัดช่วงแรกๆ เป็นของใหม่ ฝ่ายปฎิบัติขาดความเข้าใจ ฝ่ายนโยบายก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเหมือนกัน การจ่ายเงินล่าช้า หลักสูตรมีมากเกินไปจนไม่สามารถทำได้จริง ปัญหาทั้งหมดได้มีการปรับปรุงแก้ไข จนดีขึ้นเป็นลำดับ
น่าเสียดายก็เพียงแต่ว่า พอจะเริ่มมีความคล่องตัวมากขึ้น ก็ต้องยุติบทบาทลง แต่ที่กำไรแน่ๆคือ สามารถฝึกงานคนว่างงานได้ทั้งสิ้นร่วม 500,000 คนและประหยัดงบประมาณได้กว่า 5,500 ล้านบาท.
Tags: ต้นกล้าอาชีพ