กรีซ เจ้าตัวแสบ
มีคำถามมามากว่า ถ้ากรีซล่มสลายกลางปีนี้ ผลกระทบมาถึงไทยหน้าตาจะเป็นอย่างไร
จะให้เดาแบบมีราคา ต้องนำเหตุการณ์ที่เคยเกิดก่อนหน้านี้มาเปรียบเทียบ
จำช่วงวิกฤตปี 2008 ที่ Lehman Brothers ( สถาบันการเงินระดับยักษ์ของสหรัฐ ) ล้มละลายได้ไหมครับ ช่วงนั้นรัฐบาลคุณบุชบอกว่า “ผมเอาอยู่ ” รัฐบาลตัดสินใจไม่เข้าไปอุ้มและปล่อยให้ Lehman เจ้ง ผลที่ตามมาคือเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เดือดร้อนกันไปหมด เกือบ 4 ปีแล้ว แต่เศรษฐกิจของสหรัฐก็ยังดูไม่จืด
ถ้าประเทศกรีซล้มละลายในครั้งนี้ แปลว่ารัฐบาลกรีซไม่มีเงินใช้หนี้ ต้องเบี้ยวเจ้าหนี้หน้าตาเฉยเลยทีเดียว สถาบันการเงินที่ได้ให้รัฐบาลกรีซกู้ไว้ คงหมดตัวล่อนจ้อนอย่างแน่นอน ราคาหุ้นของสถาบันการเงินเหล่านี้จะร่วงหมด เศรษฐกิจยุโรปโดยรวมจะถอยลงลึกเช่นกัน
ตอนที่สหรัฐเจ้ง ไทยก็ป่วยตามไปด้วยเหมือนกัน ตัวเลขว่างงานของเราพุ่งพรวด ช่วงนั้นคุณอภิสิทธิ์เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีป้ายแดงต้องขอคุยว่ารัฐบาลขณะนั้นพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วพอสมควร ได้ตัวช่วยส่วนหนึ่งจากประเทศจีน เพราะจีนแกร่งมากในวันนั้น เศรษฐกิจจีนแยกจากสหรัฐอย่างสิ้นเชิง ภาษาวิชาเกินเรียก ‘ Decoupling’ ทำให้ส่งออกของเราดีเกินคาด (ยุโรปยังไม่เลวร้ายในขณะนั้น) วันนั้นเศรษฐกิจไทยลำบากอยู่เพียงสองไตรมาส ( 6 เดือน )
กลับมาที่กรีซ คาดว่าประเทศกรีซคงไปไม่รอด อย่างเร็วกลางปี อย่างช้าปลายปีนี้ ผลกระทบถึงประเทศไทยหนักกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์แน่นอนเพราะ
1. เศรษฐกิจของสหรัฐถึงแม้จะดีขึ้นบ้างช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เจอยุโรปพ่นพิษปีนี้ สหรัฐน่าจะทรุดกลับไปสู่จุดเดิม
2. จีนใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกรูปแบบมาเกือบสี่ปีเพื่อซื้อเวลารอให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น มาถึงวันนี้ปัญหายังไม่หมด จีนเริ่มอ่อนแรงเพราะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องนานจนเกินไป
3. จาก 1&2 ทำให้กำลังซื้อสินค้าไทยอ่อนตัว รวมเข้ากับนโยบายค่าแรง นโยบายพลังงาน และ นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล ทำให้นักธุรกิจไทยเหนื่อยขึ้นมาก ส่งออกไทยจึงมีอนาคตที่มืดมน สัญญานเริ่มมีให้เห็นแล้วเช่นตัวเลขส่งออกลดลง 15%
สรุปได้ว่าเมื่อไทยค้าขายไม่คล่องตัวเหมือนเดิม ผลกระทบก็จะเกิดในซีกธุรกิจส่งออกซึ่งรวมถึงรายได้จากการท่องเที่ยวด้วยเพราะลูกค้าต่างประเทศจนลงทั่วหน้า
ทางแก้ไม่ยากเพราะฐานของเศรษฐกิจไทยนั้นแข็งปึก
วิกฤตอย่างนี้เปิดช่องให้รัฐบาลได้พิสูจน์ฝีมือแล้วครับ