ขายข้าวแบบ จี ทู จี (ผี)
ทําไมต้อง จี ทู จี
ตัวย่อ จี มาจาก Government แปลว่า รัฐบาล จี ทู จี หมายถึง รัฐบาล ต่อ รัฐบาล
ประเทศไทยค้าขายกับต่างประเทศมานานแล้ว ตัวละครมีเพียงสองคือรัฐบาลและเอกชน จับคู่สลับกัน ไปมา เอกชนค้ากับเอกชน เอกชนค้ากับรัฐบาล และรัฐบาลค้ากับรัฐบาล
ถ้าเอกชนค้ากับเอกชน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น แต่ถ้าเอกชนค้ากับรัฐบาล เจ้าของภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทันที รัฐบาลต้องทําตามระเบียบเมื่อค้าขายกับเอกชน ไม่ว่าจะซื้อหรือจะขาย ต้องโปร่งใส ให้มีการ แข่งขันและต้องตรวจสอบได้
แต่ถ้าเป็นการค้าขายระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ความน่าเชื่อถือมีสูงขึ้น ระเบียบยอมให้มีการตกลง ทางการค้าระหว่างสองรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีการแข่งขัน ไม่ต้องมีการประมูล เพราะถือเป็นเครดิตของ รัฐบาลทั้งสองฝ่าย
ตัวอย่างที่เห็นบ่อยครั้งคือการซื้ออาวุธของกองทัพ เราจะได้ยินบ่อยครั้งจากกองทัพว่าคนไทย เจ้าของเงินภาษีไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ เพราะเป็นการจัดซื้อแบบ จี ทู จี อย่างนี้เป็นต้น
จี ทู จีมาแล้วกี่ครั้ง
รัฐบาล ‘ทักษิณคิด เพื่อไทยทํา ‘ ชอบจี ทู จี มาก งานแรกหลังชนะเลือกตั้งน่าจะเป็นการซื้อแท็บเล็ต ให้เด็กๆอ้างว่าซื้อแบบจีทูจี ผมว่าเป็นจีทูจีกลายพันธ์ุครับเพราะสุดท้ายรัฐบาลกลายเป็นผู้ จัดการประมูลซื้อแท็บเล็ตเสียเอง โดยอนุญาตให้บริษัทเอกชนจากประเทศจีนมีสิทธิเป็นผู้ประมูล เท่านั้น บริษัทจากประเทศอื่นไม่มีสิทธิ
งานที่สองนี่เล่นหนัก รัฐบาลนําข้าวที่ซื้อมาจากชาวนาในโครงการรับจํานํา มาขายต่อ รัฐบาลรายงาน คนไทยเจ้าของเงินว่ารัฐบาลขายข้าวแบบ จี ทู จี เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามว่าประมูลเมื่อไหร่ อย่างไร เพราะ จี ทู จี ไม่มีประมูล รวมทั้งรัฐบาลยังจําเป็นต้องปิดข้อมูลการซื้อขายไว้เป็นความลับ ต่อท้ายว่า รัฐบาลได้ขายข้าวแบบ จี ทู จี ไปได้หลายประเทศแล้ว
ส่วนนายกหญิงออกมาจ้อหน้าจอ ย้ําว่าขายจี ทู จี ได้จริง มีเอ็มโอยู อยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ในวัน นั้นรัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีคู่ใจของนายกหญิงบอกต่อว่า ไปไกลแล้ว ยิ่งกว่า เอ็มโอยู เสียอีก ถึงขั้น ทําสัญญาเรียบร้อยแล้วด้วย
น้องๆสื่อรุกถามขอดูสัญญาหน่อย รู้นะว่าขาดทุนแน่ เพราะซื้อมาแพง แต่อยากรู้ว่าขาดทุนเท่าไหร่ (คนไทยเฝ้าฟังด้วยความระทึกใจว่า จะขาดทุนมากไหมหนอ เงินภาษีของฉันทั้งนั้น) คําตอบจากปาก นายกหญิง ‘ ราคาขายและจํานวนที่ขายบอกไม่ได้ ขอปิดเป็นความลับค่าาา ‘
จี ทู จี ( ผี ) หลอกคนไทยทั่วประเทศ
คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์นําข้อมูลการขายข้าวมาเปิดเผยให้คน ไทยเจ้าของเงินรับรู้ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล คนไทยโดนผีหลอกกันทั่วประเทศ เพราะเจ้า ‘ จี ‘ ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นรัฐบาลจีนที่มาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยนั้น ที่แท้กลายเป็น ผีตัวเป็นๆ ไปซะงั้น
ถ้าจะลําดับความชั่วร้ายของกระบวนการ รวมทั้งความสลับซับซ้อนแล้ว เชื่อว่าแนวคิดการทําชั่วระดับ เซียนสําหรับการซื้อข้าวของผีครั้งนี้ จะเรียกว่า ‘ ทักษิณคิด ผีทํา ‘ ก็คงไม่ผิดนัก
ท่านผู้อ่านเคยอ่านหนังสือจากบทสุดท้ายก่อนบทต้นๆไหมครับ ถ้าไม่เคยน่าจะลองดู เพราะจะเข้าใจ เนื้อหาได้ง่ายขึ้น ผมว่านะ
ผมขอทดสอบโดยเริ่มที่บทสุดท้ายก่อนครับ เริ่มที่ตอนจบ ‘ ทักษิณคิด ผีทํา ‘ รูปนี้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย คนและผี ควงคู่กัน
ซื้อขาย ต้องมีการชําระเงิน เขาชําระเงินกันอย่างไร
ถ้าผู้ซื้อเป็น จี จากจีนจริง เงินเข้าบัญชีหลวงต้องมีเส้นทางที่มาจากแดนไกล จากรัฐบาลจีน จาก ประเทศจีน
แต่นี้เป็นจีผี เงินที่ได้รับจึงมาจากบัญชีผี
รูปนี้เป็น statement ธนาคาร บัญชีของกรมการค้าต่างประเทศ เงินที่ได้จากการขายข้าวนํามาเข้า บัญชีนี้ครับ
ขอนําข้อมูลของคุณหมอมาฉายซ้ํา ที่อยากให้ดูคือรายการของวันที่ 12 ตค. 55 ‘ 527,177,652.00 กับ 177.000.000.00 รวมแล้วเป็นเงินกว่า 700 ล้านบาท ( กรอบแดง )
ผู้ซื้อข้าวนําเงินไปซื้อ ‘ แคชเชียร์เช็ค ‘ สองใบ สั่งจ่าย กรมการค้าต่างประเทศ จ่ายเป็นค่าข้าว เข้า บัญชีตามรายการนี้ ครับ
คุณหมอวรงค์กล่าวหาว่าสมคิดเป็นคนที่นําเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คทั้งสองใบ ไม่ใช่รัฐบาลจีนจากไหน ทั้งสิ้น คุณหมอกล่าวหาแรงนะ
หน้าตา cashier cheque เป็นอย่างนี้ครับ
พวกเรานั่งดูทีวีอยู่ทางบ้าน สงสัยอยู่ว่านายกจะนําหลักฐานมาแสดงไหมว่า เช็คทั้งสองฉบับที่หลวงนํา เข้าบัญชีนั้น เป็นเช็คที่ได้รับมาจากรัฐบาลจีนจริง ไม่ใช่จากคนชื่อสมคิด
แต่…ไม่มีคําตอบหรือคําชี้แจง…จากนายกรัฐมนตรีหญิง
ส่วนฝ่ายข้าราชการประจํา ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ข้าราชการที่มีหน้าที่ดูแลบัญชีหลวงโดยตรง เงียบเป็นเป่าสาก เช่นกัน
สมคิดคือใคร
คุณหมอวรงค์นําภาพบ้านของสมคิดมาโชว์ รูปบนเป็นหน้าบ้านของบ้านสมคิด รูปล่างเป็นภาพบ้าน ของภรรยา ดูสภาพบ้านแล้ว ทําให้นึกถึง คนรถ คนสวน คนใช้ ที่เป็นตัวละครในคดีซุกหุ้นของคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตรครับ
มีอีกครับ มีหลักฐานโยงต่อว่า สมคิดเป็นผู้ที่ได้รับมอบอํานาจจาก นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร วงการ เรียกชื่อว่า‘เสี่ยเปี้ยง’ ให้เป็นผู้ไปจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้าจํากัดเมื่อวันที่๑๓มกราคม ๒๕๔๗ นั่นเอง เสี่ยเปี้ยงนี่ครับที่เรียกกันว่า ผีตัวเป็นๆ
คุยให้ฟังถึงตอนนี้แล้วอยากจะหยุดไว้ก่อน เพราะข้อมูลเท่านี้เพียงพอ ที่รัฐบาลจะต้องรีบให้คําตอบต่อพี่น้องคนไทยเจ้าของประเทศ โดยเร็ว
รัฐบาลต้องยืนยันว่า
1. รัฐบาลไม่ได้นําเงินที่ผ่านการฟอกมาเข้าบัญชีหลวง เงินที่ได้รับเข้าบัญชีกรมการค้าต่างประเทศเป็น เงินจากผู้ซื้อข้าวตัวจริง และผู้ซื้อข้าวนี้คือรัฐบาลจีน
2. รัฐบาลพร้อมเปิดเผยข้อมูลว่าข้าวที่ขายไปทั้งหมดนี้ ขายได้เป็นเงินเท่าไหร่ ในราคาเท่าไหร่
ถ้าตอบได้ เรื่องนี้จบ ถ้าไม่ตอบหรือทําเงียบ ยุ่งแน่
คนไทย เจ้าของเงิน เขาไม่ยอมแน่ครับ