สปอตหาเสียง ประชาธิปัตย์
16 ตุลาคม 2550
ผ่านมา 5 สัปดาห์แล้วครับ สปอตโฆษณาของปชป. จะหยุดออกอากาศปลายเดือนนี้ เท่ากับว่า ปชป.ได้มีโอกาสนำแนวความคิดและนโยบายของพรรคเสนอต่อประชาชนทั่วประเทศเป็นเวลา 6 สัปดาห์เต็มๆ
ถ้าอยากจะรู้ว่ามี ใครบ้างที่ได้ชม ได้เห็นสปอตทั้งหมดที่ได้นำเสนอ และถามต่อด้วยว่า เมื่อได้ชมได้เห็นแล้ว ถูกใจ โดนใจมากน้อยเพียงใด อาจต้องพิจารณาจากข้อมูลนี้ดูครับ
คนไทยมีทีวีกันเกือบทุกหลังคาเรือน คือประมาณร้อยละ 99 และคนไทยชมรายการโทรทัศน์กันเกือบทุกวัน คือร้อยละ 95 การโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์จึงได้ผลมาก เป็นการนำข้อมูลเข้าถึงตัวผู้ชมโดยตรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สินค้าที่โฆษณาจะได้รับการตอบรับที่ดีเสมอไป
ในกรณีของ ปชป. คือประชาชนได้รับรู้ถึงนโยบายของพรรคกันโดยถ้วนหน้า ผมได้ไปตรวจสอบมาแล้ว ประมาณร้อยละ 70 ที่ได้เห็นสปอตของปชป. น่าจะประมาณ 30 ล้านคนครับ
สมัยก่อนพรรคการเมืองหาเสียงโดยการปราศัย เดี๋ยวนี้ก็ยังทำกันอยู่ แต่ผมนึกไม่ออกว่าพวกเราต้องปราศัยกันกี่แห่ง กี่เวที ถึงจะมีคนมาฟังได้ถึง 30 ล้าน ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวเพราะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สปอตทีวีจึงแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างดี เพราะพรรคนำนโยบายไปให้ฟัง ให้ได้ชมกันถึงในห้องนอน ห้องนั่งเล่น ในครัวกันเลยล่ะ
ข้อเสียและเป็นอุปสรรคสำคัญคือ ใช้เงินมาก และเวลาจำกัดทำให้ไม่สามารถอธิบายความให้ครบได้ เพราะสปอตได้เวลาออกอากาศอย่างเก่งก็แค่ 60 วินาที ส่วนใหญ่ก็ใช้กันเพียง 30 วินาที ( เพราะแพงและผู้ชมจะรำคาญ ) จึงเป็นการยากที่พรรคการเมืองจะนำเสนอนโยบายได้ครบถ้วน
คำถามต่อไปคือ คนชอบนโยบายไหม โดนใจหรือเปล่า ตรงนี้คือความยากของยุทธศาสตร์การนำเสนอครับ อย่าลืมว่าการเมืองไม่ใช่การโฆษณาสินค้า ท่านจะโฆษณาขายรถ คนที่สนใจก็จะเป็นคนที่ชอบรถ และกำลังจะหาซี้อรถคันใหม่ คนที่ไม่มีปัญญา ได้แค่นั่งรถไฟ เรือเมล์ คงจะไม่สนเท่าไหร่ แต่การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน นโยบายจึงต้องครอบคลุมให้ครบ เวลาสปอตพูดถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท ลงทุนแหล่งน้ำ หรือการเรียนฟรีจริง ก็จะโดนใจพี่น้องชนบทที่ด้อยโอกาส ถูกใจเพราะคิดว่าจากนี้ไป ลูกหลานจะมีเครื่องแบบใส่ไปโรงเรียน มีหนังสือและอุปกรณ์การเรียนฟรี เพราะรัฐบาลดูแล จัดงบประมาณให้ คนเฒ่าคนแก่ที่ถูกปล่อยปะละเลย เพราะไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม รัฐบาลก็จะเข้าไปช่วยเหลือ
ถ้าท่านเป็นคนกรุงฯ อาจหงุดหงิด คนกรุงฯ จะบ่นว่า นโยบายขนส่งมวลชนหายไปไหน ไม่มีเลยหรือ ใครที่ไม่ชอบ ปชป.เป็นต้นทุนอยู่แล้วก็จะไปไกลขนาดว่า นโยบายไม่เอาไหน เอาใจแต่รากหญ้า อย่างนี้เป็นต้น
การที่จะให้คน 30 ล้านชอบและโดนใจในเรื่องเดียวกันจึงเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ถามว่าแล้วทำไมไม่ทำทุกอย่างให้ครบ มีนโยบายสำหรับทุกสังคมและ ถูกใจกันไปหมด คำตอบก็คือ ทำไม่ได้หรอกครับ เทวดายังไม่มีปัญญาแก้ปัญหาของชาติให้แล้วเสร็จทุกอย่างภายในเวลาเพียง 4 ปี แถมต้องใช้เงินงบประมาณเป็นจำนวนมหาศาล จะพูดง่ายๆว่า ไม่ต้องห่วง ผมเก่ง ผมหาเงินได้ เห็นมามากแล้วครับ ที่พูดแบบนี้ ท้ายที่สุด กระเป๋าเงินของชาติโบ๋ทุกที
นอกจากจะพูดถึงว่าชอบหรือไม่ชอบนโยบายที่นำเสนอแล้ว ยังมีข้อข้องใจอีก เกิดไม่แน่ใจ ไม่เชื่อว่าจะทำได้ กลัวถูกหลอก ที่ผมกลัวที่สุดคือการเลือกตั้งไม่ได้พูดกันเฉพาะเรื่องของนโยบาย มีปัจจัยอื่นๆอีก อยากจะเลือกผู้สมัครคนนี้ พรรคนี้ แต่ญาติขอให้ช่วยเพราะเป็นหนี้บุญคุณกับคนอีกกลุ่ม อีกพวก หรือไม่ก็ผู้ใหญ่ กำนัน ผู้มีอิทธิพล เขาขอมา เท่านั้นไม่พอ ประเภทร้ายที่สุดคือเลือกเพราะเขามีเงินจ่ายให้ ทำให้อนาคตประชาธิปไตยมืดมนเต็มที หลายคนบอกว่าเป็นเพราะการศึกษาไม่ดีพอ เป็นวัฏจักรวนเวียนกันอย่างนี้ละครับ สปอตโฆษณาอาจจะไม่มีประโยชน์เลยก็เป็นได้
แต่เราไม่มีทางเลือก เพราะพรรคเชื่อว่า การหาเสียงโดยการนำนโยบายมาแข่งขันกันน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด และวิธีนำเสนอโดยผ่านสปอตโฆษณาทางโทรทัศน์และวิทยุ จะทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจในนโยบายการบริหารประเทศของพรรคได้มากขึ้นครับ
แถมนิดหนึ่ง คุณอภิสิทธิ์จะนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจของพรรคในวันที่ 18 ตุลาคม เวลา 13.30 น. ที่ชั้นสอง โรงแรมพลาซ่า แอทธินี โดยเชิญนักธุรกิจจากหลากหลายอาชีพจำนวนหนึ่งเข้ารับฟังและร่วมซักถามได้ นอกจากนั้นยังมีที่นั่งที่ได้จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าฟังอีกจำนวนหนึ่ง แสดงความจำนงได้ที่ www.democrat.or.th ครับ
Tags: นโยบาย, ประชาธิปัตย์, พรรคการเมือง