โคตรโกง
20 มิถุนายน 2550
“………………………จากนั้นนายสุนัย ได้ชี้แจงรายละเอียดในสำนวนการสอบสวนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กับครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทโอ เอไอ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งปัจจุบัน คือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SC Asset) ต่อมาในช่วงกลางปี 2543 พ.ต.ท.ทักษิณฯ และภรรยา ได้ขายหุ้น SC Asset และหุ้นบางส่วนของบริษัทของครอบครัวอีก 5 แห่งได้แก่ 1 . บริษัท พีที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด 2. บริษัท เวิร์ธ ซัพพลาย จำกัด 3. บริษัท บี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 4. บริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด 5. บริษัท เอส ซี ออฟฟิส ปาร์ค จำกัด ให้แก่ Win Mark Limited ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ (BVI) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,527 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอมีหลักฐานชัดว่า เงินดังกล่าวของบริษัทวินมาร์คฯเป็นเงินของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งโอนเข้ามาเพื่อซื้อหุ้นบริษัทของตนเอง …………….”
ส่วนหนึ่งของคำแถลงของดีเอสไอครับ ได้มาจากข่าวที่ลงในสื่อหลายสำนัก ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อกันละครับ โดยเฉพาะที่ดีเอสไอพบว่า เงินของบริษัทวินมาร์คเป็นเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ก่อนสรุปประเด็นทั้งหมด อ่านบทความ ญาติสนิท แอมเพิลริช กันอีกซักครั้ง ลงในเว็บนี้ไว้หลายเดือนแล้วครับ
ผมนำบทความนี้มาให้ท่านอ่านกันอีกครั้ง เรื่องของอดีตนายกคนนี้ บอกตรงตรงว่า คลาสสิกมาก มีวิธีการทำธุรกิจที่แยบยลจนจำกันไม่ไหว
ที่น่าสนใจที่สุดคือข้อความที่ผมสรุปไว้ว่า
“ไม่นานหรอกครับ เราจะรู้ว่า บริษัท วิน–มาร์ค เป็นของใคร? เที่ยวนี้ไม่ใช่ซุกหุ้นแน่ เพราะมีการชำระเงินค่าหุ้น นำเงินสกปรกจากต่างประเทศมาฟอกให้ใสสะอาดในประเทศหรือเปล่า “
แล้วความจริงก็ปรากฎ ไม่นานเกินรอ ท่านผู้อ่านว่าผมควรจะเปลี่ยนอาชีพเป็นหมอดูดีไหมครับ
ผมบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าไม่น่าเชื่อ เพราะวันนี้น่าจะเห็นขบวนการและวิธีการฟอกเงินได้พอสมควร ที่คนเขานินทากันว่า มีคนร่ำรวยจากการลดค่าเงินบาทในสมัยพ่อใหญ่ชวลิตเป็นนายก และมีการหมกเงินที่ได้กำไรไว้ในต่างประเทศ คงจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว เลวสุด ๆ ครับ
Tags: หุ้น