Korbsak Sabhavasu's Blog

24 กันยายน 2550

ผมใช้ชีวิตอยู่ที่ปายมาร่วม 4 ปีแล้วครับ   กลับกรุงเทพเดือนละหลายครั้งแต่อยู่ได้ไม่นานก็ทุรนทุรายกลับปาย    สัปดาห์ที่แล้วอากาศชุ่มฉ่ำ ฝนตกเกือบทุกวัน ใครไม่ชอบฝนต้องอยู่ห่างๆ   คนส่วนมากชอบเที่ยวปายช่วงปลายปีเพราะหนาวจับใจ   แต่ผมชอบหน้าฝนไม่น้อย   เที่ยวป่าต้องหน้าฝนครับ

ฝนกำลังใกล้หมดแล้ว   กลับมาปายวันนี้อากาศเริ่มเย็น  เสียดายปลายปีนี้คงต้องเหนื่อยกับการเลือกตั้ง   ไม่รู้ว่าจะแว่บมาปายได้บ้างหรือเปล่า   ต้องดูกันอีกที

ชอบจ๊อกกิ้งไหม  ถ้าชอบตามผมมา   ผมจ๊อกเกือบทุกวันครับ รูปนี้เป็นวิวมองจากเชิงเขาที่ผมจ๊อกตอนเช้า

ที่ต้องระวังมากหน่อยก็คือศัตรูตัวฉกาจของการจ๊อกกิ้ง   การจราจรครับ  หลบรถให้ดีก็แล้วกัน  อย่าลืมนะครับ  เวลาจ๊อกต้องสวนทางกับที่รถวิ่ง  จะได้เห็นและหลบได้ทัน

จ๊อกกิ๊งอย่างเดียวไม่สนุก  ต้องมี iPod ด้วย  ฟังเพลงไป ชมวิวไป วิ่งไป เพลินดีออก  แถมยืดอายุตัวเองได้อีกหลายปี  หลายคนบอกว่าจ๊อกกิ้งเป็นการออกกำลังกายที่หน้าเบื่อที่สุด  ผมว่าไม่ใช่นะ  ว่ายน้ำต่างหาก  ฟังเพลงก็ไม่ได้  มองเห็นแต่พื้นของสระ   แถมจะเม้าท์กับเพื่อนที่ว่ายอยู่ข้างๆก็แสนลำบาก  ไม่เชื่อผมก็ลองว่ายไปคุยไปดูซิครับ       จ๊อกกิ้งเป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับหัวใจและกล้ามเนื้อทั่วไปแต่อาจช่วยลดน้ำหนักไม่ได้มากเหมือนอย่างที่คิด

ก่อนกลับมาปายทุกครั้งต้องหนีบหนังสือติดตัวมาด้วย  เที่ยวนี้เจอเล่มเก่าที่ได้อ่านมานานแล้วชื่อ   Sugar Science  เขียนโดย ดร.จอห์น แรทคลิฟ   มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีลดไขมันที่ได้ผลและปฎิบัติไม่ยากเกินไป    เลยคิดว่านำมาเล่าสู่กันฟังน่าจะดี    จะเป็นประโยนชน์มากๆสำหรับคนที่เบื่อไขมันตัวเองเต็มที

บทสรุปบอกว่า   ให้งดทานแป้งทุกชนิด  ( ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว สปาเก็ตตี้  )  นอกนั้นทานได้หมด จะทานบ่อยๆก็ได้   จาก 3 มื้อ เป็น 5 มื้อต่อวัน   ก็ไม่ว่า   ขออย่างเดียว   ต้องงดแป้งอย่างเด็ดขาด      ผัก เนื้อ หมู เป็ด ไก่ ทานได้หมด      พูดง่ายๆ ก็คือ   ทานได้แต่  “กับ”   ไม่ต้องทาน “ข้าว”

เครื่องดื่มมึนเมาอนุญาตบ้าง    ยกเว้นเบียร์  ห้ามเด็ดขาด    กาแฟขอให้เป็นดีแคฟ จะช่วยได้มาก  ผลไม้ทานได้แต่ต้องรอให้ท้องว่าง  3-4   ชั่วโมง ก่อนหรือหลังอาหาร

ฟังแล้วดูไม่ยากใช่ไหมครับ    ปัญหาใหญ่คือให้อดข้าว    สำหรับคนไทยน่าจะเป็นเรื่องยาก     ชีวิตนี้ขาดข้าวตายเสียดีกว่า  เคยได้ยินใช่ไหมครับ    ผมก็เคยเป็นอย่างนั้น   ยิ่งถ้าได้ทานอาหารใต้ด้วยแล้ว    ไม่มีข้าวไม่ได้เด็ดขาด   ตรงนี้ครับที่เป็นงานยาก    ต้องใจแข็ง   หยุดข้าวไม่เกิน  2 สัปดาห์ ร่างกายของเราจะเริ่มปรับสภาพ   ร่างกายจะเริ่มชินครับ   ผมพูดจากประสบการณ์นะ ไม่ได้มีความรู้เรื่องเหล่านี้มากมายหรอก

ตรรกะง่ายๆที่ ดร. จอห์น เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้มีอย่างนี้ครับ

Insulin ในร่างกายเป็นตัวการที่ทำให้เกิดไขมัน   ถ้าInsulin ถูกขับออกมาขณะที่กระเพาะมีอาหารโดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์อยู่   จะมีการสร้างไขมันทันที      วิธีป้องกันไม่ให้ร่างกายสร้างไขมันคือ   ต้องไม่ให้ Insulinออกมาขณะที่ทานอาหาร   ไม่มี Insulin  ไม่มีไขมันครับ

แปลว่าเราต้องควบคุม Insulin       ถูกต้องครับ

ร่างกายจะขับ Insulinออกมาเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น     น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเพราะแป้ง   เมื่อเรารู้สาเหตุว่าแป้งเป็นตัวการร้าย   ก็ต้องกำจัดแป้งออกจากเมนูอาหารของเรา  ไม่มีแป้ง  ระดับน้ำตาลไม่เพิ่ม    Insulinไม่ออกมาทำปฎิกริยากับอาหารที่เราทานเข้าไป   ทำให้ไม่มีการสร้างไขมัน    ไม่มีไขมัน ไม่อ้วน  น้ำหนักไม่ขึ้น

พวกเราที่ขาดผลไม้ไม่ได้   ก็มีวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบา     ผลไม้มีน้ำตาล ทานผลไม้แล้วระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น  ถ้าระดับน้ำตาลสูงมากเกินไป   Insulinจะถูกขับออกมา   คนที่ชอบทานผลไม้หลังอาหาร    ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่   ต้องรอให้อาหารย่อยสัก 2-3 ชั่วโมง    แล้วถึงทานผลไม้ได้

ทานผลไม้ช่วงบ่ายๆตอนท้องว่างดีที่สุด   ผู้อ่านท่านใดเป็นประเภทที่บ่ายๆมักจะโหยหิวขึ้นมา   ทานผลไม้ครับ   ถึงแม้ว่าผลไม้มีน้ำตาล   ซึ่งจะทำให้Insulinออกมา    แต่เมื่อท้องว่าง   Insulinจะไม่สามารถสร้างไขมันได้

ดร. จอห์น สรุปไว้ว่า   การคุมไขมันที่ได้ผล  คือการควบคุม Insulin   นั่นเอง

มีมากกว่านี้ครับ

มีวิธีวัดความเลวร้ายของแป้งแต่ละชนิดด้วย   แป้งตัวไหนมี Glycaemic Index สูง  หมายความว่าเป็นแป้งที่ทำให้ร่างกายขับ Insulin ออกมาได้มาก   ส่วนแป้งที่มี Glycaemic Index  ต่ำ โดยเฉพาะที่ต่ำกว่า   50  Insulin ตอบสนองได้น้อย   จึงไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก

พอจะมองภาพออกแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมนักดื่มเบียร์ถึงไว้พุง  และทำไมข้าวกล้องถึงดีกว่าข้าวขาว  ถ้าอยากผอมเพรียวแบบ Jessica Alba   หรือหุ่นเท่ห์แบบ Orlando Bloom จงทำตามที่แนะนำ  “เดี๋ยวนี้”   ครับ.

ข้อมูลจาก   Sugar Science   โดย    John Ratcliff