โครงการต้นกล้าอาชีพ

Mon, Dec 14, 2009

English | การเมือง

โครงการต้นกล้าอาชีพ

ต้นกล้าอาชีพเป็นโครงการเฉพาะกิจครับ ออกแบบขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาคนว่างงานโดยเฉพาะ ตั้งสมมุติฐานว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะทำให้มีคนว่างงานเป็นจำนวนมาก และแรงงานจะตกงานอีกระยะหนึ่งจนกว่าเศรษฐกิจจะกลับฟื้นตัวขึ้นมาใหม่

รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์เริ่มงานเมื่อต้นปี 2552 ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าไทยเราจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจล่มสลายมากน้อยเพียงใด นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็จนแต้ม บางสถาบันบอกว่าจะมีคนว่างงานกว่า 1 ล้านคน บางสถาบันไปไกลถึง 2 ล้านคน รัฐบาลเองก็เชื่อว่าตัวเลขการว่างงานจะสูงมาก แต่ประมาณไว้ว่าไม่น่าเกิน 1 ล้านคน เพราะรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามารองรับหลายมาตรการด้วยกัน

ต้นกล้าอาชีพจึงออกแบบมารองรับคนว่างงานไว้ที่ 500,000 คน ภายในระยะเวลา 12 เดือน เริ่มจากเดือนเมษายน 2552 คือเริ่มต้นไตรมาสที่ 2 ( เมษา พฤษภา มิถุนา ) ของปีครับ

หัวใจของโครงการคือต้องการให้ผู้ที่ตกงานได้มีรายได้บางส่วนแต่ต้องมาฝึกงานเพิ่มทักษะให้กับตัวเอง เป็นการจ้างให้มาฝึกงานนั่นเอง ค่าจ้างไม่มาก จ่ายเป็นค่าแรงขั้นต่ำ วันที่คิดโครงการ คาดว่าภาครัฐฯร่วมกับมหาวิทยาลัยและเอกชนน่าจะมีความสามารถฝึกผู้ว่างงานได้เดือนละ 40,000 คน ถ้าเป็นโครงการ 1 ปีจะฝึกคนได้เกือบ 5 แสน คงจะเพียงพอ โครงการไม่ใช่ฝึกงาน 1 เดือนเท่านั้น ถ้าจะกลับไปภูมิลำเนาไปช่วยงานที่บ้าน และมีนายอำเภอรับรอง ก็จะได้เงินเดือนอีกไม่เกิน 3 เดือน

แบ่งงบประมาณเป็นสองส่วน ส่วนแรกรองรับคนตกงาน 240,000 คน ใช้เงิน 6,900 ล้านบาท ส่วนที่สองอีก 260,000 คน จัดงบไว้ให้ 7,420 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 14,320 ล้านบาท

มาถึงวันนี้ปรากฏว่า 6 เดือนแรก มีคนได้รับการฝึกงานสูงถึง 305,000 คน จากเป้าหมาย 240,000 คน และใช้เงินไป 5,900 ล้านบาท จาก 6,900 ล้านบาท ส่งคืนคลัง 1,000 ล้านบาทเศษ ถ้ารวมถึงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนจะมีผู้ได้รับการฝึกงานถึง 420,000 คน ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีจำนวน 500,000 คน

จึงมีคำถามว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร

ตัดสินใจด้วยความรู้สึกไม่ได้ ต้องดูเจตนารมณ์ในเบื้องต้นก่อนว่า โครงการนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร คำตอบคือ เกิดจากปัญหาคนว่างงานเพราะเศรษฐกิจโลกล่มสลาย ประเทศได้รับผลกระทบ รายได้จากการท่องเที่ยว การส่งออก หดหาย ทำให้ธุรกิจปิดกิจการเพิ่มขึ้น ไม่มีการจ้างงานเพิ่ม แถมยังมีการปลดออกจากงานอีก จึงควรถามต่อว่าแล้วตัวเลขคนว่างงานน่าตาเป็นอย่างไร ดูได้จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้เพราะได้จากฐานข้อมูลของประกันสังคม

ตลอดทั้งปี 2550 เป็นปีที่ยังไม่เกิดปัญหาเศรษฐกิจโลก ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 5.18 แสนคน หรือมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1.4 ผมนำตัวเลขนี้มาใช้เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า ในสภาวะปกติบ้านเราจะมีผู้ว่างงานประมาณ 5 แสนคนครับ

ช่วงเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหาคือ ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ช่วงนั้นตัวเลขผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 5.04 แสนคน หรือมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1.32 แสดงว่ายังไม่เกิดปัญหารุนแรง

มาเริ่มเมือต้นปี 2552 ครับ ไตรมาสแรก (มกรา กุมภา มีนา) 2552 ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 7.15 แสนคน หรือมี อัตราการว่างงานร้อยละ 1.90 ไตรมาสที่สอง (เมษา พฤษภา มิถุนา) 2552 ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 6.56 แสนคนหรือมีอัตราการวางงานรอยละ 1.71 เห็นได้ชัดขึ้นว่า จุดสูงสุดคือ 7.15 แสนคน เริ่มลดลงเหลือเป็น 6.56 แสนคน ถ้าจะถามว่าตัวเลขนี้ยังสูงอยู่ใช่หรือไม่ ตอบได้ว่ายังไม่กลับสู่ภาวะปกติครับ

แต่พอเข้าช่วงไตรมาสที่สาม (กรกฎา สิงหา กันยา) 2552 ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีประมาณ 4.46 แสนคนหรือมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1.15 ภาพชัดขึ้นว่าตัวเลขลดลงเป็นอย่างมาก กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

สำหรับ ตุลา พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่คลอด แต่เชื่อได้ว่าตัวเลขคนว่างงานจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ผลพ่วงจากส่งออกดีขึ้น ท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะฤดูการท่องเที่ยว ราคาสินค้าเกษตรปรับสูงขึ้นควบคู่กับโครงการประกันรายได้เกษตรกร เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งโครงการไทยเข้มแข็งที่ต้องการแรงงานเพิ่มถึงปีละ 500,000 คน

ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่เราควรยุติบทบาทของโครงการต้นกล้าอาชีพได้ครับ งบประมาณปี 2553 จากไทยเข้มแข็ง เตรียมไว้ 7,420 ล้านบาทจะนำมาใช้เฉพาะที่มีภาระผูกพันประมาณ 2,900 ล้านบาท สำหรับการอบรมเพิ่มเติมอีก 80,000 คน เพื่อให้ครบตามเป้าหมาย 500,000 คน และสำหรับเงินอุดหนุนเพื่อกลับไปประกอบอาชีพที่ภูมิลำเนาอีกประมาณ 120,000 คน ส่วนที่เหลือก็ไม่ต้องใช้ ไม่ใช้เงินเท่ากับไม่ต้องกู้ครับ

ผมได้รับคำท้วงติงเพราะมีหลายท่านอยากให้เดินต่อ เปลี่ยนเป็นโครงการต้นกล้าเข้มแข็ง เพิ่มหรือต่อยอดเพื่อให้คนไทยเราเก่งขึ้น ประชาชนส่วนหนึ่งดูเหมือนอยากจะให้เดินต่อเหมือนกัน เพราะชอบในความหลากหลายของหลักสูตรไม่ต้องเสียค่าอบรมแถมมีค่าตอบแทนเป็นค่าแรงขั้นต่ำด้วย

ผมเห็นต่างเพราะฐานะทางการเงินของประเทศไม่ดีมากพอที่จะสนับสนุนเงินภาษีมาใช้ในการจ้างคนเพื่อฝึกงาน การฝึกแรงงานให้มีคุณภาพ เพิ่มทักษะ ทำให้คนของเราเก่ง เป็นหัวใจในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แต่งานลักษณะนี้เป็นงานประจำ เป็นงานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เป็นงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน กรมฯคงจะต้องทบทวนบทบาทของตนให้มีความเข้มข้นเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนต่อไปในอนาคต

ต้นกล้าอาชีพเป็นโครงการที่ประสบผลสำเร็จพอสมควร ติดขัดช่วงแรกๆ เป็นของใหม่ ฝ่ายปฎิบัติขาดความเข้าใจ ฝ่ายนโยบายก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเหมือนกัน การจ่ายเงินล่าช้า หลักสูตรมีมากเกินไปจนไม่สามารถทำได้จริง ปัญหาทั้งหมดได้มีการปรับปรุงแก้ไข จนดีขึ้นเป็นลำดับ

น่าเสียดายก็เพียงแต่ว่า พอจะเริ่มมีความคล่องตัวมากขึ้น ก็ต้องยุติบทบาทลง แต่ที่กำไรแน่ๆคือ สามารถฝึกงานคนว่างงานได้ทั้งสิ้นร่วม 500,000 คนและประหยัดงบประมาณได้กว่า 5,500 ล้านบาท.

แบ่งปันเรื่องราว:
  • Print
  • del.icio.us
  • Facebook
  • email
  • PDF
  • Twitter

Tags:

Comments are closed.

Twitter

TwitPic

    " width="70" height="70" style="margin: px; border: 1px solid cccccc;" class="twitpic" />

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
Korbsak.com
กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ค้นหา