24 กรกฎาคม 2550 ผ่านมากว่าสองสัปดาห์ สื่อยังไม่หยุดการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งโป๊ก มีทั้งผู้เสนอแนะ ติติง บ่น ด่าว่า มาจากผู้ที่คร่ำหวอดทางการเงิน ไปจนถึงคนระดับกรรมการผู้จัดการบริษัทปตท.ที่ค้าขายน้ำมันไปวันๆ ก็ยังอุตส่าห์ออกความเห็น ทำให้เกิดความรู้สึกสงสารประเทศอย่างจับใจ สงสารเพราะพอมีวิกฤติทางการเงิน เศรษฐกิจมีปัญหา แทนที่คนเดือดร้อนจะวิ่งหาที่พึ่ง มองหาผู้จะมาช่วยให้ตัวเองอยู่รอด นั่นคือธนาคารแห่งประเทศไทย กับกลายเป็นว่า ทุกคนรุมกันแจม ( รวมถึงผมอีกคน) แย่งกันเสนอวิธีการแก้ปัญหา จนสับสนวุ่นวายไปหมด บ่งชัดถึงศรัทธาของผู้คนที่มีต่อธนาคารชาติ ว่าถึงขีดตกต่ำอีกครั้งหนึ่ง ภาพการแถลงข่าวของท่านรองนายกโฆษิตนั่งตรงกลาง ขนาบซ้ายขวาด้วยรมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารชาติ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไปว่า ธนาคารชาติไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือดำเนินนโยบายการเงินได้อย่าง อิสระ ถูกผิดอย่างไรไม่ต้องพูดกันให้เสียเวลา อยากจะบอกคุณๆทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่ธนาคารชาติว่า ไม่มีใครเขาจะยอมให้บ้านเมืองพังพินาศอีกครั้งเพราะฝีมือของพวกคุณหรอก ที่สำคัญกว่านั้นและเป็นสัจธรรมก็คือ คุณต้องพิสูจน์ตัวเองว่า มีกึ๋น มีความสามารถจริงเสียก่อน เขาถึงจะปล่อยให้คุณมีอิสระในการทำหน้าที่อย่างที่ต้องการ ท่านผู้อ่านที่คุ้นกับบทความของผมที่เกี่ยวกับเรื่องค่าเงินบาท คงจำกันได้ดีว่า ผมเคยขอร้องให้ธนาคารชาติเลิกความคิดที่จะแทรกแซงเพื่อต่อสู้กับทิศทางของ ค่าเงินได้แล้ว เพราะจะเสียเวลาเปล่า ไม่ว่าเราจะดำเนินการอย่างไรก็ไม่มีวันที่จะชนะได้ ประเทศของเราไม่อยู่ในฐานะทางเศรษฐกิจที่จะใช้วิธีการแทรกแซงค่าเงินเหมือน กับประเทศจีนหรือประเทศญี่ปุ่น เราไม่สามารถที่จะนำเงินบาทมาไล่ซื้อเงินดอลล่าร์เพื่อกดดันไม่ให้เงินบาท แข็งขึ้น เหมือนกับประเทศจีนที่พิมพ์เงินหยวน หรือ ประเทศญี่ปุ่นที่พิมพ์เงินเยน แล้วนำมาซื้อเงินดอลล่าร์ได้ตามอำเภอใจ ทุกคนรู้และเข้าใจกันดีว่า บาทแข็งเพราะเงินดอลล่าร์ไหลเข้า [...]
9 กรกฎาคม 2550 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บทสนทนาสุดฮิตในหมู่นักธุรกิจ นักการเงิน นักการธนาคาร หนีไม่พ้นเหตุการณ์ต้มยำกุ้งอาละวาด เศรษฐกิจไทยล่มสลาย บรรจบครบรอบสิบปีพอดี กล่าวขวัญกันมากโดยเฉพาะสื่อไทยภาคฝรั่งรวมทั้งสื่อไทยแท้ มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย มีครบทั้งที่เป็นบทความและบทสัมภาษณ์จากผู้ที่ผ่านเหตุการณ์และโชคดีที่ยัง เอาตัวรอดได้ ไม่ถึงกับหมดเนื้อหมดตัว ที่หนีไปอยู่เมืองนอกเมืองนาก็ยังอุตส่าห์ส่งบทความมาให้อ่านกัน ยกเว้นพวกที่แอบทำกำไรจากการลดค่าเงิน ใช้ข้อมูลที่รู้ล่วงหน้าก่อนคนอื่น กอบโกยผลประโยชน์มหาศาล พวกนี้ปิดปากเงียบ หายจ๋อย ข่าวว่าต้องระเหเร่ร่อน ยังหาแผ่นดินอยู่ไม่ได้ วันนี้ขอไม่แสดงความเห็นครับ มีแต่เอกสารที่เคยเป็นสุดยอดของความลับ อยากให้ท่านผู้อ่านได้เห็นข้อมูลกันชัดๆว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่มีการเก็ง กำไรค่าเงิน ได้เข้าใจการบริหารงานของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้พยายามปกป้องค่าของเงิน บาทโดยการนำเงินเหรียญดอลล่าร์สหรัฐที่เป็นเงินสำรองของประเทศไปขายจนเกือบ หมดหน้าตัก เขาทำกันอย่างไร ต้องยอมรับกันก่อนนะครับว่าการที่เราสูญเสียเงินสำรองไปจนเกือบหมด เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยล่มสลายและทำให้การแก้ปัญหาทำได้ยากขึ้น เป็นทวีคูณ ได้อ่านเนื้อหาของเอกสารแล้ว ท่านผู้อ่านจะนึกภาพออกว่า เกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้อย่างไร รู้กันให้ครบ รู้กันให้ถูก โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง ทั้งข้าราชการและนักการเมือง ประวัติศาสตร์จะได้ไม่ซ้ำรอยอีก ออกตัวก่อนว่าไม่มีเจตนาที่จะโทษใครทั้งสิ้น นำมาให้อ่านเพื่อเตือนความจำ ต้องเตือนกันเพราะคนไทยลืมง่ายครับ ผมจะเริ่มต้นที่หนังสือจาก ไอ เอ็ม เอฟ ที่มีถึงรัฐบาลไทยครับ สามฉบับสำคัญ ฉบับแรกลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ [...]
20 มิถุนายน 2550 “………………………จากนั้นนายสุนัย ได้ชี้แจงรายละเอียดในสำนวนการสอบสวนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กับครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทโอ เอไอ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งปัจจุบัน คือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SC Asset) ต่อมาในช่วงกลางปี 2543 พ.ต.ท.ทักษิณฯ และภรรยา ได้ขายหุ้น SC Asset และหุ้นบางส่วนของบริษัทของครอบครัวอีก 5 แห่งได้แก่ 1 . บริษัท พีที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด 2. บริษัท เวิร์ธ ซัพพลาย จำกัด 3. บริษัท บี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 4. บริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด 5. บริษัท เอส ซี [...]
วันที่ 3 เมษายน 2550 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง นายสมหมาย ภาษี ให้สัมภาษณ์ว่า ธนาคารชาติได้ใช้เงินไปประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท เพื่อปกป้องค่าเงินบาท ไม่ทราบเจตนาของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังว่าท่านพูดออกมาทำไม ที่รู้แน่ๆคือได้เป็นข่าวไปหลายวัน นโยบายการเงินเป็นเรื่องของธนาคารชาติ กระทรวงการคลังไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง หน้าที่ใครหน้าที่มันครับ มีอยู่คนเดียวในกระทรวงการคลังที่อาจหนีความรับผิดชอบไม่ได้คือท่านรัฐมนตรี ว่าการกระทรวง หน่วยงานที่ช่วยงานท่านรัฐมนตรีในเรื่องนี้คือ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ท่านรัฐมนตรี ฉลองภพ และทีมงาน(สศค.)เท่านั้น ที่น่าจะมีการรับรู้หรือแลกเปลี่ยนความเห็นกับธนาคารชาติในเรื่องของนโยบาย การเงินได้ ความเกี่ยวข้องตรงนี้ยังไม่ได้แยกออกจากกัน ดูได้จากการดูแลนโยบายการเงินของธนาคารชาติ ที่ยังหนีไม่พ้นต้องขอความเห็นชอบจากท่านรัฐมนตรี เช่น การขออนุมัติออกพันธบัตรเพื่อดูดซับสภาพคล่องเป็นต้น ว่าเสียยาว ไม่ใช่เห็นว่าธนาคารชาติใครแตะต้องไม่ได้ แต่คนระดับรัฐมนตรีต้องระมัดระวัง ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้ เดินหน้าใส่เกียร์เฉพาะหน้าที่ในส่วนที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด น่าจะเหมาะสมกว่า ที่ผมว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็เพราะระบบการเงินของโลกอาจเกิดปัญหาที่รุนแรงในอนาคตอันใกล้ สืบเนื่องจากความไม่สมดุลของสภาพการเงินของแต่ละประเทศที่มีความแตกต่าง แต่เข้ามาเกี่ยวข้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเกี่ยวข้องและเกิดผลกระทบกับคนจำนวนมาก ประเทศในเอเชียได้อาศัยรายได้จากการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนความเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจมานาน ประเทศในเอเชียจึงมีนโยบายให้เงินของตนเองไม่แข็งจนเกินไป เพื่อเป็นการสนับสนุนการส่งออก ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย เมื่อ เศรษฐกิจของสหรัฐมีอาการ มีปัญหาตัวเลขการขาดดุลการค้าน่าตกใจ รัฐบาลของสหรัฐจึงใช้นโยบายเงินดอลล่าร์อ่อนเพื่อแก้ไขปัญหา เงินดอลล่าร์อ่อนเงินสกุลอื่นก็แข็งขึ้น สหรัฐเริ่มแก้ไขปัญหาของตนเองได้บ้าง แต่เกิดผลกระทบและเดือดร้อนกันไปทั่วโลก [...]
วันที่ 21 มีนาคม 2550 ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่ารัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ มีโครงการประชานิยมสำหรับพี่น้องในชนบทและชุมชนเหมือนกันครับ ใช้ชื่อโครงการว่า “อยู่ดีมีสุข ” โครงการนี้ใช้เงินงบประมาณที่รัฐบาลทักษิณได้เตรียมไว้ใช้ในโครงการพัฒนา ศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (ชื่อการตลาดสวยหรูว่า โครงการ เอส เอ็ม แอล ) แต่รัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์เปลี่ยนวิธีการใช้เงินเสียใหม่ โดยใช้แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขเป็นหลักในการ ดำเนินกิจกรรมหรือโครงการ ฟังดูแล้วมีความรู้สึกที่ดี ต้องชมกันหน่อย โครงการไม่ต่างไปจากนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้เคยเสนอไว้ในช่วงการเต รียมการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ผมจำได้แม่น มีการถามกันมามากในช่วงนั้นครับ ถามกันว่า โครงการ เอส เอ็ม แอล ของรัฐบาลทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์จะยกเลิกหรือทำต่อ วันนั้นเราตอบว่า ทำ แต่ทำต่างกัน โดยเราจะจัดงบประมาณที่เป็นเม็ดเงินลงตรงไปในหมู่บ้านโดยใช้แนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงเป็นยุทธศาสตร์กำกับเท่านั้น จะนำเงินไปใช้ตามอำเภอใจไม่ได้ โครงการของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทันได้ตั้งชื่อ ของรัฐบาลท่านสุรยุทธ์ใช้ชื่อว่า “อยู่ดีมีสุข” ความจริง ถ้ารัฐบาลท่านนายกสุรยุทธ์แข็งขันและทำงานโดยไม่มีวันหยุด ลุยโครงการนี้อย่างจริงจัง รัฐบาลเองอาจจะได้มีโอกาส อยู่ดีมีสุข กับเขาได้เหมือนกัน น่าเสียดายที่รัฐบาลให้ความสำคัญโครงการนี้น้อยเกินไป นอกจากจะไม่ประชาสัมพันธ์โครงการแล้ว งบประมาณที่จัดไว้ก็น้อยเสียเหลือเกิน ให้แค่ 5,000 ล้านบาทสำหรับระดับหมู่บ้าน/ชุมชน อีก [...]
วันที่ 11 มีนาคม 2550 เราได้ขุนคลังคนใหม่แล้วครับ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาจารย์ ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ ผมเรียกท่านว่าอาจารย์ เหมือนที่คนอื่นเขาเรียกกัน วันนี้อาจารย์เป็นนักการเมืองเต็มขั้นแล้ว ผมหวังว่าอาจารย์จะยอมรับความเป็นนักการเมืองอย่างภาคภูมิใจด้วย เพราะเมื่อมีความรู้สึกว่าตนเป็นนักการเมืองแล้ว การทำหน้าที่จะคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ประโยชน์ของประชาชนจะต้องมาก่อน เป็นธรรมชาติของนักการเมืองที่ดีครับ มีให้เห็นบ่อยครั้ง เมื่อนักวิชาการหรือครูบาอาจารย์ ได้รับโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มักจะไม่ยอมรับความเป็นนักการเมือง เหมือนกับรังเกียจ ใครที่มีใจอคติ นำแนวคิดทำนองนี้มาบริหารราชการแผ่นดิน เชื่อขนมกินได้เลยว่าโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงและทำประโยชน์ให้กับ ประชาชน ให้กับประเทศชาติ จะมีน้อยเต็มที ผมเดาว่าภายในสัปดาห์นี้ท่านรัฐมนตรีจะได้มีโอกาสพบข้าราชการระดับสูงของ กระทรวงและของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นสำนักงบประมาน และธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า การตัดสินใจของขุนคลังในแต่ละเรื่องมีความสำคัญยิ่ง ขุนคลังคนใหม่มีเวลาน้อยมาก มัวคลานต้วมเตี้ยมคงจะไม่ได้ เมื่อข้าราชการระดับสูงเข้าพบท่านรัฐมนตรี ท่านทั้งหลายต้องกล้าพูดความจริง เพราะไม่ว่าขุนคลังจะเก่งแค่ไหน ถ้าข้อมูลและปัญหาไม่แม่น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง บิดเบือน ยากครับที่จะแก้ไขและเดินงานต่อได้อย่างถูกต้อง ผมอยากที่จะเห็นการรายงานของหน่วยงานต่างๆในทำนองนี้ครับ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ : ท่านครับ การจัดทำงบประมาณแผ่นดินตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ไร้วินัยทางการคลังอย่างสิ้นเชิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในอดีตไม่ให้ความสำคัญกับการใช้เงินภาษีของ พี่น้องประชาชน ไม่เคยได้เข้าร่วมประชุมในคณะกรรมการวิสามัญ มาเพียงสองวัน คือวันเปิดและวันปิด [...]
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 ตัวเลขออกมาแล้วครับ 170,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขผลขาดทุนทางบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับปี พ.ศ. 2549 อยาก รู้ว่าเงินจำนวนนี้มากแค่ไหน เปรียบได้ว่าเงินนี้มากพอที่จะนำไปใช้ในการสร้างอาคารพักผู้โดยสารของสนาม บินสุวรรณภูมิใหม่ และ ถ้าไม่มีการโกงกิน น่าจะมีเงินทอนเหลือพอที่จะสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มได้อีกหนึ่งสาย อ่านข้อสรุปท้ายการชี้แจงของธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ แล้วน่าใจหายครับ “ผลการขาดทุนดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด ธปท. ยังคงสามารถทำหน้าที่ในการดูแลเสถียรภาพทางการเงินได้ต่อไป ” แน่ใจและมั่นใจใช่ไหมครับ การขาดทุนที่เกิดจากผลของนโยบายปกป้องค่าของเงินบาทหรือนโยบายดูแลอัตราแลก เปลี่ยนไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และก็จะไม่เป็นครั้งสุดท้าย ตราบใดที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยังอยู่ในโหมดที่เชื่อว่าตนเองมีความสามารถที่ จะรักษาระดับค่าของเงินบาทได้ ผม ได้เคยพูดไว้ว่า อาจถึงเวลาที่คนของแบงค์ชาติ (บางท่าน ) ต้องปรับความคิดของตนเอง ต้องเข้าใจสภาพตลาด ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลายประเทศเขายอมแพ้และยอมรับความเป็นจริงกันแล้วว่า นโยบายปกป้องค่าเงินที่สวนกับสภาพความเป็นจริง ทำได้ยากขึ้นทุกวัน และมีค่าใช้จ่ายสูง ครั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยขาดทุนอย่างน้อย 170,000 ล้านบาท ข่าวที่รายงานจากสื่อระบุด้วยว่า ท่านรองผู้ว่ากล่าวว่า “เรื่องกำไร – ขาดทุน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ” ผม [...]
4 มกราคม 2550 กบข. เป็นหน่วยงานของรัฐ ที่มีกฎหมายกำกับโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับ สปส. กบข. ชื่อเต็มว่า กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ส่วน สปส. คนใช้แรงงาน มนุษย์เงินเดือน รู้จักกันดีในชื่อ สำนักงานประกันสังคม กบข. มีสมาชิกเป็นข้าราชการ กว่า 1.1 ล้าน คน ส่วน สปส. นั้น มี สมาชิก มากกว่า 8.5 ล้านคน ถึงวันเงินเดือนออก สมาชิกของทั้งสองหน่วยงาน ถูกหักเงินเดือน ส่งในรูปแบบของเงินออมตลอดระยะเวลาของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือ เป็นลูกจ้างเอกชนทั่วไป ขออนุญาตไม่พูดถึงผลประโยชน์ที่สมาชิกพึงได้รับ แต่จะเล่าให้ฟังว่า เงินออมทั้งหมดนี้ ทั้งสองหน่วยงาน คือ กบข. และ สปส. นำไปลงทุน ให้ได้ดอก ได้ผล เพื่อสมาชิกอย่างไร กบข. มีเงินที่สามารถนำไปลงทุนเกือบ 3 แสนล้านบาท สปส. [...]
22 ธันวาคม 2549 ถ้าจะถามว่ามีเงินทุนไหลเข้า ช่วง 1 – 2 เดือนนี้ มากน้อยแค่ไหน หรือเปลี่ยนคำถามเสียใหม่ว่า ธนาคารชาติต้องเข้าไป กด ไม่ให้ค่าเงินบาท แข็งเกินความเป็นจริง โดยการแทรกแซง มากน้อยแค่ไหน คำตอบดูได้จากตัวเลขช่อง Net Forward Position ตารางล่างนี้ครับ ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง ตัวเลขนี้ถือเป็นความลับ บอกใครไม่ได้ วันนี้มีระบบที่ดีกว่า โปร่งใส ทำให้ผู้สนใจทั่วไป สามารถตรวจสอบการดำเนินนโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารชาติ ได้ดีพอควร อาจจะรู้ช้าไปหน่อย ตัวเลขเปิดเผยช้าไปประมาณ 10 วัน แต่ก็ ถือว่าใช้ได้ ครับ เห็นได้ว่า ธนาคารชาติ นำเงินบาท ไปซื้อเงินเหรียญสหรัฐ สัปดาห์ละ 3-4 หมื่นล้านบาท เพื่อแทรกแซง น่าจะมากที่สุดเท่าที่เคยทำกันมาในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ธนาคารชาติต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็พอรับได้ ที่หนักใจก็คือ แทรกแซงแทบตายแล้วไม่ได้ผล ทำให้ธนาคารชาติต้องออกมาตรการอีกหลายมาตรการ แต่เงินบาทดื้อครับ กลับแข็งค่าขึ้นรายวัน [...]
30 พฤศจิกายน 2549 ถ้าวันนี้เรามีคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คงจะได้ยินคำอวดอ้างว่า เศรษฐกิจของประเทศ แข็งแกร่งมาก เงินสำรองที่เป็นเงินตราต่างประเทศ มีสูงถึง กว่า 62,000 ล้านเหรียญ ดอลล่าร์ สหรัฐ ( ตัวเลขอย่างเป็นทางการคือ 62,278 ณ. วันที่ 17 พฤศจิกายน 2549 ) นี่คือ สไตล์ คุณทักษิณ พวกเราที่ไม่เข้าใจลึกๆ ก็หลงเชื่อว่าคุณทักษิณเก่ง ทำให้ประเทศร่ำรวย เท่าที่คนไทยทั่วไปจำได้ น่าจะเป็นช่วงที่ประเทศเรามีเงินสำรองที่เป็นเงินตราต่างประเทศเพียง 3 หมื่นกว่าๆล้านเหรียญ ดอลล่าร์สหรัฐ ที่จำได้แม่น เพราะตอนนั้นพ่อใหญ่ชวลิตเป็นนายกรัฐมนตรี ปล่อยให้ธนาคารชาติ คนเก่งของเรา ขายเงินดอลล่าร์ จนหมดหน้าตัก เพื่อปกป้องค่าเงินบาท คนไทยทุกหย่อมหญ้า จำเรื่องนี้ได้ดี ไม่มีวันลืม ผมนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง หนีไม่พ้นเรื่องของเงินดอลล่าร์ที่อ่อนตัวลงทุกวัน เจ้าของเงิน คือสหรัฐ ดูถ้าจะแกล้งทำเป็นไม่เดือดร้อน เพราะเมื่อดอลล่าร์อ่อนค่า การขาดดุลของสหรัฐก็จะดีขึ้น ดีขึ้นเพราะส่งออกได้มากขึ้น [...]