พระราชกำหนด – พรก.การเงิน 4 ฉบับมีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว เป็นการเดินหน้าประเทศไทยตามแนว ‘ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ‘
ถือเป็นการบริหารประเทศแบบรวบรัด เบ็ดเสร็จ ไม่ต้องเสียเวลาให้ใครมาช่วยคิด ไม่ต้องให้ตัวแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของเงินได้ร่วมพิจารณา ไม่แคร์ในความรู้สึกของใครทั้งสิ้น เป็นประชาธิปไตยแบบทักษิณขนานแท้
ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของรัฐบาลนายกฯทักษิณ หลังจากที่ ได้ บริหารประเทศมาได้ ๒ ปี ผมได้เห็นเรื่องที่ “น่าเกลียด” อย่างมากเกิดขึ้นในระหว่างการบริหารงานของรัฐบาลนี้ น่าเกลียดอย่างไร
ตามมารู้จักนายกรัฐมนตรีของเรา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กันครับ มาดูกันซิว่า สมัยท่านเป็นนักธุรกิจ ท่านบริหารธุรกิจของท่านอย่างไร ผมว่าเป็นประโยชน์มากเลยครับ… จะได้เห็นวิธีการ ขั้นตอนสลับซับซ้อน น่าสนใจ และจะรู้และเข้าใจเลยว่า ทำไมถึงรวยได้เร็วจริง ๆ และจะได้รู้จักนายกฯทักษิณดีขึ้น ตามมาดูในเรื่องของ “ หุ้น ” ครับ
Ample Rich ไม่ใช่มีแค่คู่แฝดอย่างเดียว แต่มีญาติสนิทโผล่ขึ้นมาอีกหนึ่งบริษัท ครับ Ample Rich ชื่อเป็นไทยว่าบริษัทโคตรรวย ญาติสนิทของบริษัทโคตรรวย ชื่อ ชนะ-มาร์ค (Win Mark) ครับ พูดจริง ๆ นะครับ ไม่ใช่พูดเล่น ๆ
14 มิถุนายน 2550 ผมเคยคุยให้ฟังเกี่ยวกับบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ว่าจ้าง จุดประสงค์ของการจ้างล็อบบี้ยิสต์ คือ ต้องการให้นักการเมืองของสหรัฐรังเกียจรัฐบาลไทย ขณะเดียวกันก็ขอให้รักและเห็นใจ พ.ต.ท.ทักษิณ มาก ๆ บริษัทนี้ชื่อ เบเกอร์ บ็อท์ซ เจ้าของบริษัทไม่ใช่คนธรรมดา เคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีของสหรัฐ ไม่ใช่ใครอื่น นาย เจมส์ เอ เบเกอร์ นั่นเอง สองวันที่ผ่านมา บริษัทของนายเจมส์ เอ เบเกอร์ ได้ออกแถลงการณ์ประมาณ 2 หน้า ใครที่สนใจในเนื้อหาโดยละเอียด อ่านทั้งฉบับภาษาอังกฤษ และคำแปลได้ โดยคลิ๊กที่ Statement ที่น่าสังเกต คือ เป็นการออกแถลงการณ์โดยนายไมเคิล โกล์ดเบิร์ก ประธานหรือหัวหน้าทีมแผนกไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศ ( International Dispute Resolution) ของบริษัทเบเกอร์ บอท์ซ เป็นหน่วยงานของบริษัทที่มีทีมงานทนายที่มีความเชี่ยวชาญที่ทำเรื่องอย่าง นี้โดยเฉพาะ คลิ๊กดูข้อมูลได้ที่ http://www.bakerbotts.com/file_upload/documents/IDRBrochure4-25-05.pdf หมายความว่าอย่างไรครับ งานนี้ไม่ใช่งานล็อบบี้ยิสต์ธรรมดาเสียแล้ว นายจ้างคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้จ้างบริษัท [...]
29 กรกฎาคม 2551 อี – อ๊อคชั่น เริ่มสมัยประเทศไทยมีผู้นำชื่อทักษิณ ชินวัตร เป็นวิธีการประมูลงานภาครัฐโดยใช้ระบบอิเล็คโทรนิคส์ ถือเป็นวิธีการกำจัดคอรัปชั่นในวงราชการที่คนหน้าเหลี่ยมภาคภูมิใจ ช่วงนั้นคุยนักคุยหนาว่า นี่ละหัวใจของการแก้ปัญหาการฮั้วประมูลงานหลวง ถือเป็นสุดยอดของนโยบายที่มีทั้งความทันสมัยและโปร่งใส หลังจากประกาศนโยบายไม่นาน ภาคราชการก็สวมวิญญาณข้าราชการที่ดี ตอบสนองแนวนโยบายกันทั่วหน้า ไม่นานต่อมา เราก็เริ่มได้ยินเสียงนินทาว่า เดี่ยวนี้เขาประมูลงานกันแถวอินเตอเน็ทคาเฟ่ ผู้รับเหมาหิ้วโน๊ตบุ๊คกันคนละตัว นั่งประมูลงานกันไป เม้าท์กันไป สะดวกอารมณ์ ผมได้เล่าให้ฟังเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าพรรคประชาธิปัตย์มอบหมายให้เป็น กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลคุณสมัคร นั่งประชุมกันจันทร์ถึงศุกร์ กว่าจะเลิกก็ ๔ ทุ่ม ทุกคืน ยกเว้นวันศุกร์ที่ปล่อยให้กลับบ้านเร็วหน่อย ต้องประชุมกันติดต่อเป็นเวลากว่า ๑๐ สัปดาห์ครับ ทำให้ผมได้ไปเห็นของ (ไม่ )ดี ได้ไปเห็น e- corruption ครับ ในระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า ภาษีทุกบาททุกสตางค์ที่ฝ่ายบริหารเก็บจากประชาชนนั้น เวลาจะนำมาจับจ่ายใช้สอยต้องจัดทำเป็นแผนประจำปีในรูปแบบที่เป็นกฎหมายเรียก กันว่า พระราชบัญญัติงบประมาณ ต้องทำกันอย่างนี้ทุกปี และผู้พิจารณาอนุมัติคือตัวแทนประชาชน ( สส. ) ขบวนการอนุมัติเหมือนกฎหมายทั่วไป ต้องทำกัน ๓ [...]
14 กันยายน 2550 ถกเถียงกันไม่จบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โวยวายกับธนาคารสวิสเพราะอะไร รอยเตอร์แปลบทสัมภาษณ์ที่เป็นภาษาเยอรมันผิดไปหรือเปล่า เพื่อให้เกิดความกระจ่าง และป้องกันข้อกล่าวหาว่า แปลผิดแปลถูก ผมจึงใช้เครื่องมือของกูเกิ้ลแปลเนื้อหาบทสัมภาษณ์ที่ลงในสื่อของสวิส (ภาษาเยอรมัน) แปลเป็นอังกฤษ นำมาลงให้อ่านกันครับ บทความจากสื่อของสวิส กูเกิ้ลช่วยแปลให้ (ไม่ถูกไวยากรณ์ แต่ความหมายถูกต้อง) สรุปเป็นภาษาไทยเฉพาะที่อยู่ในกรอบสีแดง สรุปไว้อย่างนี้ครับ “ข้อมูลลูกค้าของธนาคารสวิส ที่เคยถือเป็นความลับสุดยอดไม่มีอีกแล้ว” และให้สัมภาษณ์ต่อว่า “เพียงแค่ต้องการจะโอนเงินจำนวนมากเข้าสวิส ก็จะถูกสอบถาม ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินที่สะอาดตามกฎหมาย” เมื่อนำผลงานของคตส. มาขมวดเข้าด้วยกัน ก็พอจะเข้าใจได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ คงอยากจะโอนเงินในบัญชีที่ฝากไว้กับธนาคารสวิสสาขาสิงคโปร์ ไปไว้ที่สำนักงานใหญ่ที่สวิส แต่ถูกธนาคารตรวจสอบ จึงหงุดหงิดและโวยวายจนเป็นข่าว วันๆหนึ่งคงไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ หลงงมงายและเมามันอยู่กับเงินๆทองๆนี่ละ นึกดูอีกทีก็น่าสงสารเหมือนกันนะครับ.
ผมกำลังพูดถึงหุ้นของ บริษัทชิน ที่ แอมเพิล ริช ครอบครองจำนวน 32.92 ล้านหุ้น ครับ แอมเพิล ริช ซื้อหุ้นทั้งหมดนี้จากคุณทักษิณ วันดีคืนดี 10 ล้านหุ้น ( มูลค่า100 ล้านหุ้นปัจจุบัน) ก็หลุดมือไปจากแอมเพิล ริช โดยไม่ทราบสาเหตุ และมาโผล่ที่ แอมเพิล ริช คู่แฝด (สัญชาติ English ) ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นหุ้น 100 ล้านจำนวนนี้ก็หายไปจากสาระบบอีก มาโผล่อีกครั้ง โดยเข้ามาอยู่ในความครอบครองของ แอมเพิล ริช ของบริติชเวอร์จิ้น ช่วงที่ ครอบครัวคุณทักษิณเตรียมขายหุ้นบริษัทชินทั้งหมด ให้ต่างชาตินั่นหละครับ ผมว่าเรายอมเสียเวลา ตรวจเอกสารกันอีกครั้งดีไหมครับ เอกสารสำคัญคือบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ชิน ผมลำดับเฉพาะช่วงการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญเท่านั้น ถ้านำเอกสารทั้งหมดมาแสดง ท่านผู้อ่านคงจะเบื่อแย่ ทำตัวเป็นผู้ตรวจสอบกันหน่อย ประเด็นที่ต้องตรวจสอบ คือ 1. แอมเพิล ริช ครอบครองหุ้นชินจำนวนเท่าใด? 2. [...]
11 กันยายน 2550 ผมเริ่มงานตรวจสอบพฤติกรรมและวิธีการบริหารความมั่งคั่งของ พ.ต.ท. ทักษิณ มาตั้งแต่เกิดคดีซุกหุ้นภาคหนึ่ง เป็นที่มาของหนังสือ “ใครว่าคนรวยไม่โกง” ที่ได้จัดจำหน่ายไปเมื่อปลายปี 2547 ( ตอน………..เรื่องจริง) และเมื่อ กลางปี 2549 ( ตอน……ผมผิดด้วยหรือ ) ด้วยครับ การซุกหุ้นชินของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่เป็นเรื่องสลับซับซ้อนอะไรมากมาย เป็นวิธีการที่คนในวงการตลาดทุน ตลาดหุ้น คุ้นเคยดีอยู่ รู้และเข้าใจกันเป็นอย่างดี บ่อยครั้งเราได้เห็น ได้ยิน ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ใช้วิธีการพยุงราคาหุ้นของบริษัทตนเองโดยการซื้อหรือขายหุ้นที่แอบฝากไว้ในชื่อของผู้อื่น คนที่ไม่ค่อยจะประสีประสาในเรื่องนี้มากที่สุดเห็นจะเป็นผู้บริหารสูงสุดของกลต.เราละครับ พ.ต.ท.ทักษิณถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์ในเรื่องนี้อย่างแท้จริง เป็นผู้บุกเบิกการทำผิดกฎหมายของ กลต. เริ่มต้นจากการที่ซุกหุ้นไว้กับ คนรถ คนสวน คนใช้ แล้วนำหุ้นนี้ ไปซื้อ ไปขายในตลาดหลักทรัพย์ หลอกลวงผู้ถือหุ้นรายย่อยที่กลายเป็นแมงเม่า หลังจากนั้นมีการพัฒนารูปแบบการโกงโดยการนำหุ้นของ ตนโอนไปไว้ในต่างประเทศ ซุกหุ้นไว้กับบริษัทต่างชาติ โอนหุ้นชิน 329 ล้านหุ้นไปให้บริษัท แอมเพิลริช ที่ตนเองเป็นเจ้าของ ทำทีว่าฉันนั้นทำอย่างเปิดเผย ไม่ปกปิด แจ้ง กลต.ครบหมด แท้ที่จริงเป็นการเปิดไม่หมด ไม่ครบ [...]
27 สิงหาคม 2550 ได้อ่านข่าวที่ท่านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส แถลงเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม เกี่ยวกับผลคืบหน้าการดำเนินการ คดีกุหลาบแก้ว ไหมครับ นานเต็มทีแล้ว จับความได้ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งฟ้องนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล หรือ ดาโต๊ะสุรินทร์ ผู้ถือหุ้นบริษัทกุหลาบแก้ว ผู้ถือหุ้นชั้นที่ 3 ในบริษัท ชิน คอร์เปอร์ชั่น จำกัด (มหาชน) ต่ออัยการในข้อหาเป็นคนสัญชาติไทย แต่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวผิดพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว และให้ดำเนินคดีกับบริษัทลาเฟมอง ที่อยู่บนเกาะบริติช เวอร์จิน เป็นผู้สนับสนุนให้นายสุรินทร์ ทำผิดพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ผ่านมาถึงวันนี้แล้ว ไม่น่าที่จะเสียหายประการใดถ้าจะได้เปิดเผยข้อมูลที่ได้ทราบมาให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้กันไว้บ้างได้แล้ว กันลืมครับ ต้องย้อนเล่าเรื่องเก่ากันสักนิด ดาโต๊ะสุรินทร์คือผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยใน บริษัทกุหลาบแก้ว ท่านผู้นี้ใช้เงินลงทุนในบริษัทกุหลาบแก้วเป็นเงินประมาน 2,700 ล้านบาท เรื่องแดงขึ้นมาเพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ตรวจสอบและพบว่า 1. เงินจำนวนนี้ถึงแม้จะได้มีการสั่งจ่ายจากบัญชีเงินฝากของดาโต๊ะสุรินทร์ที่ ฝากไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ แต่ปรากฎว่าเป็นเงินที่มีการโอนมาจาก บัญชีที่ประเทศสิงคโปร์ ฝากไว้ที่ธนาคาร เครดิต ซูอิส 2. ที่เป็นเรื่องแปลกคือ เจ้าของบัญชีนี้ ไม่ใช่ชื่อ [...]